กฟน. แจ้งความเอาผิดที่ ปอท.

กรุงเทพฯ 8 ส.ค. – กฟน. เอาจริง เข้าแจ้งความกับ ปอท. เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับมิจฉาชีพที่แอบอ้างโฆษณาชวนเชื่อ ยืนยันอุปกรณ์ช่วยลดค่าไฟฟ้าภายในบ้านไม่มีอยู่จริง


นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ในฐานะโฆษก กฟน.พร้อมด้วยนายประเสริฐศักดิ์ เชิงชวโน ผู้ช่วยผู้ว่าการฝ่ายยุทธศาสตร์องค์การ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และ นายกิตติศักดิ์ วรรณแก้ว รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบไฟฟ้า การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้นำผู้เสียหายจำนวน 4 คน เข้าแจ้งความเอาผิดกับมิจฉาชีพ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือ ปอท.

โดยนายจาตุรงค์  เปิดเผยว่า จากการที่มีการโฆษณาขายอุปกรณ์ที่ช่วยลดค่าไฟฟ้าในราคาประมาณ 1 พันกว่าบาท ผ่านช่องทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ Expert Electric พร้อมละเมิดแอบอ้างโดยการนำภาพข่าวของ กฟน. ไปตัดต่อสร้างความน่าเชื่อถือใช้โฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงประชาชนนั้น กฟน. ขอชี้แจงว่า กฟน. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเฟซบุ๊กแฟนเพจ และอุปกรณ์ไฟฟ้าที่โฆษณาแต่อย่างใด และขอเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวไม่สามารถประหยัดไฟฟ้าได้จริงจำนวน 30-50%แบบที่กล่าวอ้างและอาจส่งผลให้ระบบไฟฟ้าผิดปกติ หรือกระทบต่อระบบจำหน่ายไฟฟ้า ซึ่งมีความผิดตามกฎหมาย


ล่าสุด กฟน.ได้เข้าแจ้งความที่ ปอท.แล้วเพื่อดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ละเมิดแอบอ้างอย่างถึงที่สุด เนื่องจากไม่ต้องการให้มีผู้หลงกลตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม กฟน. ขอแนะนำวิธีการประหยัดไฟฟ้าที่เหมาะสมที่สุด และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า โดยเปิดใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเฉพาะเวลาที่ต้องการใช้งาน และปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในเวลาที่ไม่ได้ใช้งาน รวมถึงการปรับตั้งค่าการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าให้เหมาะสม โดยเฉพาะการปรับตั้งอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ ไม่ควรต่ำกว่า 26 องศาเซลเซียส เนื่องจากการปรับตั้งอุณหภูมิที่ต่ำเกินไปเช่น 18 องศาเซลเซียส จะทำให้เครื่องปรับอากาศต้องทำงานหนักขึ้น ไม่ควรเปิด – ปิดตู้เย็นบ่อย และเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น หลอดไฟฟ้าชนิด LED เลือกใช้เครื่องปรับอากาศชนิดอินเวอร์เตอร์ ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ได้รับฉลากอุปกรณ์ประหยัดพลังงาน เป็นต้น

พันตำรวจเอกศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการ ปอท.กล่าวแนะนำว่า อยากให้ผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความ เพื่อเอาผิดกับคนทำผิดไม่ให้มีที่ยืนในสังคมและอย่าคิดว่าเป็นเงินเพียงเล็กน้อยแค่หนึ่งพันกว่าบาทก็ตาม เพราะหากมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก จำนวนเงินก็จะเพิ่มมากขึ้น . – สำนักข่าวไทย


     

    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”