เปิดชีวิต ‘แม่’ ชีวิตพังหลังติดเหล้า กลับตัวเป็น ‘แม่จิตอาสา’

กทม.8ส.ค.-แม่ชีวิตพังหลังติดเหล้า เผยหันกลับมายึดลูกเป็นแรงบันดาลใจ เปลี่ยนตัวเองเป็นแบบอย่างที่ดี ก่อนผันตัวเป็นจิตอาสาถ่ายทอดประสบการณ์ช่วยเหลือคนอื่น ด้านหนุ่มวัยโจ๋พลิกชีวิตจากด้านมืดสู่เส้นทางใหม่ตอบแทนบุญคุณแม่  


            

มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล  เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) จัดกิจกรรมเนื่องในวันแม่ เพื่อเติมเต็มพลังใจในการสู้ชีวิตของคนเป็นแม่ ภายในงานมีเวทีเสวนา “ฝ่าวิกฤตชีวิตแม่…กว่าจะถึงวันที่ก้าวผ่าน” 


            

นางนัยนา ยลจอหอ  ประธานชุมชนวัดสวัสดิ์วารีสีมาราม เขตดุสิต  แม่ที่ต้องเผชิญมรสุมชีวิต เปิดเผยว่า ชีวิตเกือบพังเพราะเหล้าด้วยสามีเป็นคนชอบดื่มไปไหนมาไหนก็จะดื่มด้วยกันตลอดเพราะคิดว่าเป็นการเสียเปรียบพอเมาแล้วเกิดความหึงหวง ถึงขั้นทะเลาะตบตีกันประจำโดยไม่นึกถึงลูก จนสามีเสียชีวิตจากดื่มเหล้าสูบบุหรี่หนัก จากนั้นอยู่กับลูกมาตลอด ซึ่งปกติเวลาดื่มเหล้าหนักมากเมาแล้วนอนได้ทุกที่ไม่สนใจอะไร เพราะรู้สึกสนุกสนานกล้าแสดงออก

‘จุดเปลี่ยนที่ทำให้เลิกดื่มเหล้าคือลูกเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ อยากมีชีวิตอยู่เพื่อลูกซึ่งเป็นเด็กดีมาก ไม่เคยทำให้แม่เสียใจ ทำให้คิดได้ว่าการไม่ดื่มให้ลูกเห็นน่าจะเป็นสิ่งดี ประกอบกับทางมูลนิธิหญิงชายก้าวไกลเข้ามาให้ข้อมูลและคำปรึกษาเหล้าก่อให้เกิดความรุนแรงครอบครัว ได้รับผล กระทบโดยตรงจากนั้นจึงอยากถ่ายทอดให้คนอื่น เป็นต้นแบบในการชวนคนเข้ามาทำงาน ร่วมกันในโครงการงดเหล้าเข้าพรรษาจนบางคนสามารถเลิกดื่มเหล้าได้จริง ส่งผลให้มีสุขภาพดีขึ้นการเงินการงานครอบครัวดีขึ้นด้วย ตอนนี้ใช้ชีวิตอยู่กับลูก มีความสุขมาก สุขภาพก็ดีขึ้นมีเงินเหลือมากขึ้นด้วย อยากสะท้อนชีวิตที่ผ่านมรสุมเลวร้ายของตัวเองให้เป็นวิทยาทานกับคนอื่นๆจึงผันตัวมาทำงานจิตอาสาช่วยเหลือสังคมอย่างทุกวันนี้ และขอฝากว่าการที่คิดว่าเหล้าคือทางออก คือที่พึ่งนั้นไม่จริงเลย เป็นการหลอกตัวเอง สถานการณ์จะยิ่งเลวร้ายดำดิ่ง  พอขาดสติจะทำอะไรก็ได้ ซึ่งมีแต่เสียหาย” นางนัยนากล่าว


           

นายอัครพงษ์  บุญมี อดีตลูกที่เคยก้าวพลาด กล่าวว่า แม่เลี้ยงตนซึ่งเป็นลูกคนเดียวมาตั้งแต่เล็กจนโต ตนเป็นคนติดเพื่อนไม่ยอมเรียนหนังสือ ชอบไปกินเหล้ามั่วสุมตามห้องเพื่อน จนวันเกิดเหตุเป็นวันเกิดเพื่อน มีการรวมตัวกันกินเหล้า เกิดเรื่องกัน จนเจอข้อหาฆ่าคนตาย  ถูกจับดำเนินคดีและศาลตัดสินจำคุกในวัยเพียง 16 ปี   

“จำได้ว่าในวันแรกที่ติดคุก คนที่ไม่เคยทิ้งไปไหนเลยคือแม่ มาหาเป็นคนแรก น้ำตาแม่ในวันนั้นจำได้ดี รู้เลยว่าวันนั้นแม่ไม่ได้กินอะไรเลย อยู่ในสภาพกินไม่ได้นอนไม่หลับไม่น้อยไปกว่าผมที่อยู่ในคุก ส่วนเพื่อนฝูงที่กินเที่ยวด้วยกันก็ห่างหายไป ทุกครั้งที่แม่มาหารู้เลยว่าไม่มีเงิน แต่แม่จะให้กำลังใจตลอด ไม่เคยซ้ำเติม และบอกเสมอว่าทำผิดต้องยอมรับผิดอย่างลูกผู้ชาย คนเราล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ได้ แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่แม่ก็เชื่อมั่นเสมอว่าผมต้องทำได้ ผมอาจไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จใหญ่โตมากมาย แค่มีกิจการงานเฟอร์นิเจอร์เล็กๆ  มีบ้านเป็นของตัวเอง รับเหมางานซ่อมแซมต่อเติมบ้านอยู่บ้าง ไม่ต้องเป็นภาระแม่และพอจะดูแลแม่ได้ตามอัตภาพ สร้างครอบครัวน้อยๆของผมกับลูกและภรรยา วันนี้ดีใจมาก  เป็นโอกาสดีอีกครั้งหนึ่งที่ได้บอกรักแม่ ขอโทษแม่ที่เคยทำผิดพลาดมาและได้กราบเท้าแม่ ตอนนี้รู้แล้วว่าแม่รักเรามากแค่ไหน แม่เป็นกำลังใจสำคัญมากอยู่เคียงข้างตลอดไม่เคยบ่นเคยว่าให้รู้สึกแย่ตั้งแต่วันที่ก้าวพลาดจนถึงวันนี้” นายอัครพงษ์ กล่าว

น.ส.อังคณา อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล วิเคราะห์สถานการณ์ความเป็นแม่ ความเป็นเมีย กับภาระที่แบกรับท่ามกลางสังคมชายเป็นใหญ่ ว่า ความรุนแรงในครอบครัวต่อผู้หญิง ทั้งในฐานะความเป็นแม่และความเป็นเมีย เกิดขึ้นทั้งระหว่างสามีภรรยา คู่รักแบบแฟน พ่อแม่ ลูก หรือเครือญาติ  จากการทบทวนปัญหาความรุนแรงในครอบครัวจากหนังสือพิมพ์ของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ปี 2559 พบว่ามีจำนวน 466 ข่าว ข่าวฆ่ากันตายมากที่สุด รองลงมาข่าวฆ่าตัวตายและข่าวทำร้ายกัน ส่วนอายุผู้ถูกกระทำความรุนแรง คืออายุ 31-40 ปี รองลงมาอายุ41-50 และอายุ 21-30 ปี ซึ่งถือเป็นผู้หญิงอยู่ในวัยทำงานที่มีสถานะความเป็นเมียและความเป็นแม่ 

สำหรับอายุของผู้กระทำ พบว่า อายุ 31-40 ปี ตามด้วยอายุ 41-50 ปีและอายุ 51-40 ปีตามลำดับซึ่งสอดคล้องกับผู้เข้ามาใช้บริการของฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล และปัญหาความรุนแรงต่อผู้หญิงมีปัจจัยร่วมจากเครื่องดื่มมึนเมา สารเสพติด และสื่อลามก เหตุการณ์ความรุนแรงส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต สภาวะทางจิตใจ หลายรายสูญเสียความเชื่อมั่นในตัวเอง โทษตัวเอง ทำร้ายตัวเองตลอดเวลา         

น.ส.อังคณา กล่าวว่า ภายใต้สังคมแบบชายเป็นใหญ่ ที่กำหนดให้สถานภาพและตำแหน่งของเพศชายเหนือกว่าเพศหญิงและให้คุณค่าความเป็นชายมากกว่าความเป็นหญิง เครื่องมือสำคัญของการดำรงอยู่และถ่ายทอดวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่ คือ ระบบความเป็นเพศที่ได้หล่อหลอมบทบาทหน้าที่ อำนาจ สถานภาพ คุณค่าและความสัมพันธ์ทางเพศที่แตกต่างกันและไม่เท่าเทียมระหว่างเพศ รวมถึงสถาบันต่างๆในสังคม เช่น ความเป็นแม่ที่ต้องเป็นผู้ดูแลทุกคนในครอบครัว ต้องเผชิญกับความเสี่ยงต่อการถูกกระทำความรุนแรง หรือหลายกรณีเกิดปัญหาลูกถูกคุกคามทางเพศ และแม่ต้องแบกรับการแก้ไขปัญหาเพียงลำพังหรือกล่าวโทษแม่ที่ดูแลคนในครอบครัวไม่ดีโดยยกภาระให้กับผู้หญิงเพียงฝ่ายเดียว และเมื่อผู้หญิงแบ่งเบาภาระของคนในครอบครัวแล้ว ผู้ชายก็ต้องแบ่งเบางานบ้านหรือแบ่งเบาภาระผู้หญิงด้วย

“เมื่อแม่หรือผู้หญิงต้องเจอปัญหาวิกฤตในครอบครัวถูกใช้ความรุนแรงจากสามี ผู้หญิงบางรายลูกถูกข่มขืนจากพ่อ/พ่อเลี้ยง หรือเครือญาติของตนเอง ส่งผลให้ถูกกดดันมากยิ่งขึ้นจากการปกป้องตนเองและปกป้องลูก แม่จึงเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้า เครียด ถูกกดดันจากคนรอบข้าง สังคม จะเห็นได้ว่าผู้หญิงที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อความรุนแรงทางเพศเป็นผู้หญิง เป็นแม่ที่อยู่ในวัยทำงาน ทำให้มีผลต่อการขาดประสิทธิภาพใจการทำงาน และส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม หลายรายเลือกหันไปพึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำมาสู่ปัญหาทวีคูณมากขึ้น เนื่องในโอกาสเทศกาลวันแม่ สังคมควรมีพื้นที่ให้ผู้หญิงหรือแม่ได้มีพื้นที่ระบายความทุกข์ หาทางออก เห็นพลัง เห็นอำนาจภายในตัวเอง และควรมีการส่งเสริมให้ผู้หญิงสามารถลุกขึ้นปกป้องตนเองได้ โดยครอบครัว คนรอบข้างต้องเข้าใจ ไม่ซ้ำเติม สิ่งสำคัญทุกคนในครอบครัวต้องเคารพในความเป็นมนุษย์ ให้เกียรติ ไม่ทำร้ายใช้ความรุนแรงทางร่างกาย อันเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการใช้ชีวิต ขณะที่คนในสังคมต้องไม่เพิกเฉยต่อความรุนแรง หรือมองว่าเป็นเรื่องของคนอื่น เพื่อร่วมกันป้องกันและยุติความรุนแรงให้ลดน้อยลง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไฟไหม้รถยนต์ อดีต สส.ศิริโชค วอดทั้งคัน

สงขลา 5 ก.ค.-“ศิริโชค” อดีต สส.ปชป. เผยเหตุระทึก รถยนต์ PHEV ไฟลุกไหม้วอดทั้งคันกลางดึก ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ ภาพคลิปเหตุการณ์ไฟไหม้รถยนต์ส่วนตัวของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งจอดอยู่บริเวณบ้านพักที่ อ.นาทวี จ.สงขลา ช่วงตี 3 เมื่อเช้ามืดที่ผ่านมา (5 ก.ค.68) โดยเพจเฟซบุ๊ก “ศิริโชค โสภา” ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์ พร้อมระบุข้อความว่า “อุทาหรณ์สยอง! ผมตื่นมากับเปลวเพลิงกลางดึก-ไฟลุกท่วมรถ PHEV ทั้งคัน ทั้งที่ไม่ได้ชาร์จ! เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆ แต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียว รถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัว ไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ […]

ตาขับรถทับศีรษะหลานวัย 1 ขวบ ดับสลด

สุราษฎร์ธานี 5 ก.ค. – สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ ตายายร้องไห้แทบขาดใจ สุดสลด ตาขับรถกระบะไม่ทันดู เหยียบศีรษะหลานสาว วัย 1 ขวบ 5 เดือนเสียชีวิตคาที่ หลังจากที่ตากลับจากซื้อของที่ตลาด เมื่อมาถึงบ้านซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำในอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขนของลงจากรถเสร็จ ระหว่างจะนำรถไปจอดไม่ทันสังเกตว่าหลานวิ่งอ้อมรถมา รู้อีกทีล้อรถหน้าด้านคนขับเหยียบเข้าที่ศีรษะของหลานแล้ว ทำให้หลานเสียชีวิตทันที เมื่อเห็นร่างหลาน ตาและยายร้องไห้แทบขาดใจ เพราะเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กๆ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพระแสงต่อไป.- สำนักข่าวไทย

อ.อ๊อด ชี้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ กรณีรถยนต์ไฟฟ้า อดีตสส.สงขลา ไฟไหม้

นครปฐม 5 ก.ค. – อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ แสดงความคิดเห็นว่า กรณีรถยนต์ไฟฟ้าของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา เกิดไฟไหม้ ถือเป็นเหตุการณ์ไม่ปกติ และแบตเตอรี่อาจจะมีปัญหา จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก Sirichok Sopha หรือ นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ แชร์ประสบการณ์ โดยระบุข้อความว่า “เช้ามืดวันนี้ ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมเสียง “ปะทุ” ดังสนั่นกลางความเงียบของตีสาม…เมื่อรีบวิ่งออกมาดู สิ่งที่ผมเห็นคือเปลวไฟสีส้มแดงกำลังลุกโชนอย่างบ้าคลั่งจากรถยนต์ PHEV ที่จอดนิ่งหน้าบ้าน รถคันนี้ซื้อจากศูนย์หาดใหญ่เมื่อ 2 ปีก่อน ผมใช้งานตามปกติ และที่สำคัญคือ ตอนนั้นผมไม่ได้เสียบชาร์จไว้ด้วยซ้ำ-จอดไว้เฉยๆแต่จู่ๆ ไฟกลับลุกขึ้นมาเอง โดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่นิดเดียวรถดับเพลิงต้องใช้เวลาหลายนาทีกว่าจะควบคุมเพลิงได้ และเมื่อไฟดับลง… สิ่งที่เหลืออยู่คือ ซากรถที่ไหม้เกรียมทั้งคันนี่ไม่ใช่แค่ความเสียหาย แต่คือคำเตือนที่น่ากลัวสำหรับผู้ใช้รถ EV และ PHEVแม้ไม่ได้ชาร์จ แม้จอดนิ่ง แบตเตอรี่ก็ยังมีโอกาสลุกไหม้ได้เองโดยไม่ทันตั้งตัวไฟฟ้าเงียบ-แต่มันเผาผลาญทุกอย่างได้ในพริบตา” รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด นักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและกิจการเพื่อสังคม […]

สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน

กทม. 5 ก.ค.-สพฐ. จัดทีมนิติกรช่วยครูการเงิน กรณีถูกชี้มูลร่วมลงชื่อเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข่าวผ่านสื่อสังคมออนไลน์ กรณีข้าราชการครูผู้รับผิดชอบงานการเงินของโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร้องขอความเป็นธรรมภายหลังถูกชี้มูลความผิดร่วมกับอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน จากการลงนามในเอกสารเบิกจ่ายค่าอาหารกลางวัน โดยยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนั้น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาต้นสังกัด และยืนยันว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งลงโทษทางวินัยออกโดยเขตพื้นที่ฯ แต่อย่างใด สำหรับการดำเนินการในขั้นต่อไป สพฐ. ได้จัดเตรียมนิติกรจากส่วนกลาง เพื่อสนับสนุนการให้คำปรึกษาทางกฎหมายและการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ครูสามารถใช้สิทธิในการอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) ตามมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติ ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ได้อย่างเต็มที่ เลขาธิการ กพฐ. ระบุว่า กรณีนี้สะท้อนถึงความจำเป็นที่ต้องทบทวนบทบาทภาระงานของครูในภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน โดยเฉพาะงานด้านการเงินและพัสดุ ซึ่งมีความซับซ้อนและมีความเสี่ยงเชิงกฎหมายสูง สพฐ. จึงอยู่ระหว่างการปรับปรุงระบบสนับสนุนภายในโรงเรียน เพื่อให้โครงสร้างงานสนับสนุนมีความเหมาะสมกับวิชาชีพครูมากยิ่งขึ้น “ข้าราชการครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตจะไม่ต้องเผชิญกระบวนการตามลำพัง สพฐ. พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนในทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถใช้สิทธิและเข้าถึงความเป็นธรรมได้อย่างมั่นใจครับ” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว.-416.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รวบแล้วมือเผารถ “ศิริโชค” ญาติเผยจิตไม่ปกติ

6 ก.ค. – จับได้แล้ว มือวางเพลิงรถยนต์ “ศิริโชค” ตำรวจเค้นสอบ ยอมรับก่อเหตุจริง ญาติเผยจิตไม่ปกติ พูดคนเดียวมาหลายเดือน ด้าน “ศิริโชค” ไม่เชื่อลงมือเองจากอาการทางจิต น่าจะมีคนสั่งการอยู่เบื้องหลัง กล้องวงจรปิดจับภาพนายเบียร์ อายุ 29 ปี ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในซอยบ้านพักของนายศิริโชค โสภา อดีต สส.เขต 7 สงขลา 4 สมัย พรรคประชาธิปัตย์ ช่วงตี 3 คืนวานนี้ (5 ก.ค.) ต.ฉาง อ.นาทวี จ.สงขลา และไปคุยกับคนเฝ้าบ้านนายศิริโชค ที่ประตูหน้าบ้าน ก่อนขี่รถออกไป จากนั้นช่วงเวลา 03.45 น. นายเบียร์ขี่รถย้อนกลับเข้าไปในซอยบ้านของนายศิริโชคอีกครั้ง ก่อนจะมีข่าวรถยนต์ GWM HAVAL H6 PHEV หรือปลั๊กอิน-ไฮบริด กึ่งไฟฟ้ากึ่งน้ำมัน เกิดเพลิงไหม้เสียหายหมดทั้งคัน ซึ่งขณะนั้น ยังไม่มั่นใจว่าเกิดจาะระบบรถยนต์ขัดข้อง หรือสาเหตุอย่างอื่น จนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเป็นที่แน่ชัดว่า นายเบียร์เป็นคนก่อเหตุวางเพลิงรถยนต์ของนายศิริโชค […]

“โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา

สระแก้ว 6 ก.ค. – “โรม” ควง “เท้ง” ลงพื้นที่สระแก้ว ดูชายแดนไทย-กัมพูชา “สอบสวนกลาง-ดีเอสไอ-หน่วยงานปกครอง” ลงด้วยเพียบ สงสัยฝั่งตรงข้ามเป็นฐานสแกมเมอร์-คอลเซ็นเตอร์ หรือไม่ แย้มมีข้อมูลทุนใหญ่เป็นหลังบ้านผู้มีอำนาจกัมพูชา เจอแน่ปิดห้องคุยพรุ่งนี้ แนะสร้างเสาเซ็นเซอร์ตรวจจับชายแดน หมาแมวตรวจได้หมด หากลักลอบเข้า ด้าน “ชุติพงศ์” โวย เขมรไม่ทำรั้ว-รับผิดชอบ ปล่อยผ่านคนลักลอบเข้าออก นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร​ ลงพื้นที่ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว​ ร่วมกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ​ สภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อดูการแก้ไขปัญหาความมั่นคงและการบริหารกิจการชายแดนไทย-กัมพูชา​ โดยมีหน่วยงานความมั่นคง​ นายอำเภอ​ กรมการปกครอง รวมถึงเจ้าหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ลงพื้นที่ด้วย จุดแรกมาที่บริเวณด้านหลังห้างสรรพสินค้า​อรัญประเทศ​ โดย พ.อ.เมธี คำเต็ม ผู้บังคับการชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 กองกำลังบูรพา รายงาน​ว่า​ จุดนี้​เป็นพื้นที่​ที่การข่าวแจ้งว่า​ใช้เป็นช่องทางลักลอบข้ามไปฝั่งกัมพูชา​ เป้าหมายไปทำงานหรือเล่นการพนัน​ ปัจจุบันได้ซีลพื้นที่ตรงนี้แล้ว แต่ก็มีการลักลอบเข้าออกตลอด แม้จะมีสถานการณ์ไทย-กัมพูชา […]

“บิ๊กเต่า” ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด คลี่ปมพัวพันสีกา ก.

6 ก.ค.- “บิ๊กเต่า” เผยคำให้การสีกา ก. เป็นประโยชน์ อาจโยงไปถึงการทุจริต แต่ขอเวลาตรวจสอบให้ชัด เตรียมประชุมคณะทำงานสัปดาห์หน้า เรียกผู้เกี่ยวข้องสอบเพิ่มเติม ยืนยันหากพบใครเอี่ยวพร้อมดำเนินคดี 12.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยถึงกรณีการเรียกตัวสีกาอักษรย่อ ก. มาสอบปากคำ ว่า หลังจากนำตัวสีกา ก. มาสอบ ก็ได้ข้อมูลในแนวทางที่ดีและมีประโยชน์ อาจนำไปสู่เรื่องที่อาจเอี่ยวกับการทุจริต แต่ก็จะต้องมีการตรวจสอบให้ละเอียด เพราะทุกอย่างต้องชัดเจน เนื่องจากคำให้การอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีหลักฐานอื่นประกอบด้วย จากคำให้การของสีกา ก. ว่า มีการเล่นพนันออนไลน์ แล้วเงินที่ใช้เล่นเป็นเงินส่วนไหน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ แต่เขามีการเล่นพนันจริง” ตอนนี้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว โดยมี ปปป. เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบ เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันหลายพื้นที่ ส่วนเรื่องบัญชีวัด ทางบก.ปปป. ก็มีอำนาจสามารถตรวจสอบได้เลย ประมาณวันจันทร์-อังคารที่จะถึงนี้ จะมีการประชุมถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวถามว่า สีกา ก. เคยทำให้พระสึกมาแล้วถึง 2 รูป จริงหรือไม่ […]

รวบ “สังข์” ผู้ต้องหาแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร

6 ก.ค.- ตำรวจบุกรวบ “สังข์” ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด หลังก่อเหตุแหกห้องขัง สภ.เมืองสกลนคร จนมุมบนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ ตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB จับกุมนายเกียรติศักดิ์ หรือ สังข์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีอาวุธปืนและยาเสพติด ได้บนขบวนรถไฟ ขณะเตรียมหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวมาลงบันทึกการจับกุมที่ สน.เตาปูน และอยู่ระหว่างการควบคุมตัวกลับมาดำเนินคดีที่ สภ.เมืองสกลนคร นายเกียรติศักดิ์ ก่อเหตุหลบหนีจากห้องควบคุม สภ.เมืองสกลนคร เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 13 มิถุนายน เจ้าหน้าที่พบเบาะแสหลบซ่อนตัวบนเทือกเขาภูพาน ขณะเดียวกันโซเชียลพากันแชร์ภาพนายเกียรติศักดิ์ พบว่า เป็นบุคคลอันตรายที่อาจมีอาวุธ หากใครพบเห็นห้ามเข้าใกล้ ทั้งนี้ สภ.เมืองสกลนคร ได้ปูพรมค้นหาตามล่าตัวและตั้งรางวัลนำจับ เป็นเงิน 3 หมื่นบาทให้กับผู้แจ้งเบาะแส .-สำนักข่าวไทย