จ่อขอหมายจับไม่ต่ำ 7 วางระเบิดและวางเพลิง

กทม.6 ส.ค.-    ตำรวจเร่งรวบหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับคนร้ายลอบวางระเบิดป่วนและวางเพลิงเมื่อ 1-2 สิงหาคม ไม่ต่ำ 7 คน ใน 3 จุดเกิดเหตุ


ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพฯ,จังหวัดนนทบุรีและวางเพลิง เมื่อวันที่ 1 และ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ชุดทำคดียังคงเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อยื่นขอศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุ โดยมีรายงานว่า ตำรวจสามารถเชื่อมโยงข้อมูลกลุ่มคนร้ายได้ทั้งหมดแล้ว ทั้งกลุ่มก่อเหตุ ผู้สนับสนุน และนายทุนสั่งการที่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน 


สำหรับข้อมูลการสืบสวนกลุ่มผู้ก่อเหตุ ตำรวจพบว่ามีจำนวน 15 คน ก่อเหตุทั้งหมด 14 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่ง 3 จุด คือ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และห้างแพลตตินัม ซึ่งไม่ปรากฎเป็นข่าวก่อนหน้านี้  โดยตำรวจสามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ล่าสุดว่าเป็นการวางระเบิดเพลิงเช่นเดียวกับที่ตลาดไซด์วอร์ค ประตูน้ำ แต่เหตุเพลิงไหม้ไม่รุนแรงมากนัก และเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้อย่างรวดเร็ว 

พฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุที่ตลาดไซด์วอร์ค ตำรวจตรวจสอบพบว่า เดินทางเข้ามากรุงเทพมหานคร 4 คน ก่อนไปพักอาศัยอยู่ย่านซอยรามคำแหง 65 วันเกิดเหตุทั้งหมด นั่งเรือโดยสารจากท่าเรือย่านรามคำแหง มาลงที่ท่าเรือประตูน้ำ และลงมือก่อเหตุ จากนั้นได้เรียกรถแท็กซี่ไปส่งที่ขนส่งสายใต้ใหม่ทันที


ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุในจุดอื่น หลายจุดตำรวจพบเส้นทางการก่อเหตุ ในลักษณะเดียวกัน แต่ยังไม่สามารถยืนยันว่า ทั้งหมดรู้จักกันหรือไม่ โดยมีการเดินทางมาจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อศึกษาเส้นทาง ดูลาดเลาและวางแผนก่อเหตุ โดยไม่มีการนำระเบิดที่ใช้ก่อเหตุติดตัวมาด้วย แต่มานัดรับในพื้นที่กรุงเทพมหานคร

ในส่วนของนายลูไซ แซแง และนายวิลดัน มาหะ ผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ถูกควบคุมตัวโดยใช้กฎหมายพิเศษ ด้านความมั่นคง อยู่ที่จังหวัดยะลา ตำรวจพบว่า ก่อนเกิดเหตุเดินทางออกนอกประเทศ ทางด่านนราธิวาส ก่อนเดินทางกลับเข้าประเทศ และเดินทางมาก่อเหตุในกรุงเทพมหานคร 

เบื้องต้นนายลูไซและนายวิลดัน ให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง แต่ไม่ทราบข้อมูลในจุดอื่น ซึ่งตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เพราะจากการตรวจสอบประวัติทั้ง 2 คน มีหมายจับคดีความมั่นคง เป็นบุคคลที่อยู่ในบัญชีแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ด้วย

มีรายงานเพิ่มเติมอีกว่า จากการขยายผลสอบปากคำ ได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำเพิ่มเติมอีก 2 คน  มีความสัมพันธ์เป็นพี่เขย ของ 1 ในผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดหน้าป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าผู้ต้องสงสัย  1 ใน 2 คนล่าสุด ทำหน้าที่ส่งระเบิดให้ผู้ปฏิบัติการทั้ง 3 คน  ชื่อ”อาแบ”  ทำหน้าที่สำรวจพื้นที่เป้าหมายทำงานให้ผู้ปฏิบัติการทั้ง 3 คน ซึ่งตำรวจได้ข้อมูลจากการสอบปากคำนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่ให้ข้อมูล ว่า นายอาแบ เป็นรุ่นพี่ ไหว้วานให้ขับขี่รถจักรยายนต์พามาที่ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ    ซึ่งตำรวจสามารถติดตามตัวนายอาแบ และควบคุมไปสอบสวนเมื่อสามวันก่อน

สรุปข้อมูลการก่อเหตุระเบิดกรุงเทพฯ,นนทบุรีและวางเพลิง มีผู้ก่อเหตุประมาณ 15 คน ก่อเหตุทั้งหมด 14 จุด หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2 คน, หน้าอาคารคิงพาวเวอร์มหานคร บีทีเอส ช่องนนทรี ท้องที่สน.ยานนาวา 2 คน , ตลาดไซด์วอร์ค ย่านประตูน้ำ ท้องที่ สน.พญาไท 4 คน, ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง 2 คน, หน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ท้องที่ สภ.ปากเกร็ด 1 คน ห้างสยามพารากอนและ สยามเซ็นเตอร์ ท้องที่ สน.ปทุมวัน 2 คน และห้างแพลตตินัม ท้องที่สน.พญาไท อีก 2 คน

ยังมีรายงานอีกว่า จากข้อมูลทั้งหมดที่มีตอนนี้ ตำรวจเตรียมยื่นขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุเบื้องต้นไม่ต่ำ 7 คน คือ มือวางระเบิดตลาดไซด์วอร์ค ย่านประตูน้ำ 4 คน, ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ 2 คน และหน้าป้ายสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 1 คน แต่ยังคงต้องรอพยานหลักฐานด้านนิติวิทยาศาสตร์ มาสนับสนุนหลักฐานที่มีทั้งหมดอีกครั้ง คาดจะได้ผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์อีก 2-3 วัน 

บรรยากาศตลอดทั้งวันที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หนึ่งในประเด็นสำคัญวันนี้คือการเชิญ พันตำรวจเอกกำธร อุ่ยเจริญ รองผู้บังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ หรือ 191 พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบและชนิดของระเบิดที่ใช้ก่อเหตุครั้งนี้ และเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดก่อนหน้านี้ทั้งหมด โดย พ.ต.อ.กำธร ขอปฏิเสธให้ข้อมูลกับสื่อ ขอให้ผู้บังคับบัญชาเป็นผู้ให้ข้อมูลเท่านั้น

รายงานว่า เจ้าหนห้าที่อีโอดี ให้ข้อมูลกับชุดทำคดีว่า จากการตรวจสอบที่้เกิดเหตุแต่ละจุดพบหลักฐานหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ ไอซีไทเมอร์ หรือไอซีตั้งเวลา ที่เมื่อนำไปเทียบเคียง กลับพบว่ารูปแบบการประกอบระเบิดและวัสดุที่นำมาใช้ในครั้งนี้คล้ายกับเหตุระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดของภาคใต้ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเป็นหนึ่งในพยานหลักฐานสำคัญที่ตำรวจใช้ประกอบสำนวนคดีเพื่อเตรียมขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุในคดีนี้.-สำนักข่าวไทย

     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้โดยสารรถทัวร์สยอง นั่งร่วมกับศพจากโคราชถึงลำปาง

ลำปาง 17 มิ.ย. – ไม่รู้นั่งมากับศพทั้งคืน ผู้โดยสารรถทัวร์สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ ถึงขนส่งลำปาง ผวาทั้งคัน หลังรถเข้าจอดชานชาลาพบหนุ่มวัย 38 ปี เสียชีวิต ตรวจสอบเบื้องต้นพบขามีรอยช้ำ เลือดไหล แพทย์คาดเสียชีวิตจากโรคประจำตัว ช่วง 05.30 น. วานนี้ (16 มิ.ย.) ตำรวจ สภ.เมืองลำปาง แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลลำปาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างลำปาง รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตบนรถทัวร์โดยสาร สายนครราชสีมา-เชียงใหม่ จอดอยู่บริเวณสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดลำปาง เทศบาลนครลำปาง ผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 38 ปี ชาว ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง นั่งมากับรถทัวร์โดยสารปรับอากาศ 2 ชั้น ผู้เสียชีวิตนั่งอยู่ชั้น 2 ฝั่งซ้ายโซนด้านหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งเดียว ขึ้นรถต้นทางจาก จ.นครราชสีมา ปลายทาง จ.ลำปาง โดยรถเข้าจอดที่ชานชาลา เจ้าหน้าที่ของบริษัททัวร์ได้เชิญผู้โดยสารทั้งหมดลงมาจากรถ จากนั้นแพทย์เวรโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ภัย ร่วมชันสูตรศพ ทำเอาผู้โดยสารที่นั่งมาในรถคันเดียวกัน โดยเฉพาะผู้ที่นั่งด้านหน้าและหลัง ถึงกับสยอง […]

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย

ครูสาวเขียนจดหมายระบายความอัดอั้น ก่อนคิดสั้น-ศธ.สั่งสอบข้อเท็จจริง

บุรีรัมย์ 17 มิ.ย. – ครูสาวโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ จ.บุรีรัมย์ เขียนจดหมายระบายความอัดอั้น “งานครูหนักและเครียดมากจนทนไม่ไหว” ก่อนตัดสินใจคิดสั้น ด้าน ศธ. สั่งสอบข้อเท็จจริง ยอมรับครูรับภาระหนัก ตำรวจพร้อมกู้ภัยได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตในบ้านหลังหนึ่ง อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ พบร่างของครูมัท วัย 39 ปี ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.ชำนิ โดยครูตัดสินใจลาโลกด้วยตัวเอง ข้างร่างของครูมีจดหมายลาที่เขียนถึง 5 หน้ากระดาษ หน้าซองจดหมายเขียนไว้ว่า “จดหมายส่วนตัวถึงครอบครัวของฉัน” เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน โดยหน้าที่ 1-4 ผู้ตายเขียนถึงพี่สาวซึ่งเป็นข้าราชการครู ลูกสาววัย 10 ขวบ และพ่อแม่ ส่วนหน้าที่ 5 เขียนถึงการทำงาน ถึงสาเหตุที่ลาโลกใบนี้ เพราะไม่สบายกายและไม่สบายใจ มีปัญหาเรื่องการทำงาน การเงิน การบัญชี ซึ่งพอกพูนจนแก้ไขได้ยาก ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นเพราะครูมัทเพียงคนเดียว เกิดจากกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน ทำงานไม่เป็นระบบ ให้เบิกเงินก่อนเคลียร์เอกสารทีหลัง สุดท้ายนิ่งเฉย ไม่มีใครมาเคลียร์ให้ อันไหนเคลียร์เองได้ก็ดีไป แต่อันไหนเคลียร์ไม่ได้ก็ต้องมานั่งเครียดเองจนหัวจะระเบิด เป็นไมเกรนแทบทุกวัน […]

สาวโพสต์ถูกไฟดูดจากตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดัง

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – สาวโพสต์ถูกไฟตู้กดบัตรจอดรถอัตโนมัติห้างดังดูดมือ ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลายวัน ทำงานไม่ได้ กินข้าวไม่ได้ ชีวิตพัง ห้างโยนภาระให้เดินเอกสารเบิกกับโรงพยาบาลเอง สาวโพสต์ภาพพร้อมเล่าเรื่องราวเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา กำลังขับรถเข้าลานจอดรถห้างฯ แห่งหนึ่ง แล้วลดกระจกเอามือโบกระบบเซ็นเซอร์เพื่อรับบัตรจอด ปรากฏว่าถูกไฟดูดทั้งที่มือไม่ได้แตะโดนเครื่อง เพราะระบบเซ็นเซอร์ไม่ต้องสัมผัสโดน แค่โบกหน้าเครื่อง ตนเองรู้สึกไฟดูด แขนชา จี๊ดขึ้นหัว และชาลงไปถึงขา บัตรก็ไหลออกมาจากเครื่อง แต่ไม้กั้นรถไม่เปิด คาดว่าไฟฟ้าในเครื่องน่าจะขัดข้อง และไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่บริเวณนั้นเลย จะกดปุ่ม SOS ขอความช่วยเหลือที่ตัวเครื่องก็ไม่กล้า เพราะกลัวถูกไฟดูดรอบ 2 จึงพยายามบีบแตรเรียกหลายครั้งกว่าจะมีเจ้าหน้าที่เข้ามาหา พอเจ้าหน้าที่มาตนก็บอกว่าถูกไฟดูด แต่เจ้าหน้าที่มาเปิดไม้กั้นให้และไม่พูดอะไรต่อ เลยรีบเอารถเข้าไปในลานจอด จากนั้นรีบเดินไปที่จุดบริการลูกค้า เพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะตอนนั้นชาไปครึ่งตัว เจ้าหน้าที่พาไปห้องพยาบาล เอาเจลเย็นมาประคบอยู่นานก็ไม่รู้สึกดีขึ้น แขนเริ่มไม่มีแรงยก เจ้าหน้าที่เห็นอาการหนักเลยพาไปโรงพยาบาลที่มีสัญญากับห้าง หมอตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจกับตรวจเลือดแล้วค่าปกติดี หมอสั่งยาและให้กลับบ้าน ทั้งที่ยังไม่หายชา ถึงขนาดแขนไม่มีแรงแม้แต่จะเซ็นเอกสาร หมอบอกว่าคุณไม่เคยข้อศอกกระแทกโต๊ะเหรอ ชาๆ เหมือนกัน เดี๋ยวก็หายเอง ตนเองจึงตั้งคำถามว่าจะหายเองจริงเหรอ เพราะยังทำอะไรไม่ได้เลย ตอนกลางคืนลองยกแขนนิ้วยังสั่นอยู่เลย กินยาคลายกล้ามเนื้อก็ไม่มีอะไรดีขึ้น […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 40% ส่วนมากช่วงบ่ายถึงค่ำ

กรุงเทพฯ 18 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 40% ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

สยองหนุ่มลำปางเสียชีวิตบนรถทัวร์ พบติดเชื้อแบคทีเรียกินเนื้อ

ลำปาง 17 มิ.ย.- จากเหตุหนุ่มวัย 38 ปี เสียชีวิตในรถทัวร์จากโคราชกลับบ้านที่ลำปางโดยที่เพื่อนร่วมทางไม่รู้ ผลชันสูตรพบติดเชื้อในกระแสเลือดจากโรคแบคทีเรียกินเนื้อ ที่เคยระบาดในญี่ปุ่น ซึ่งญาติยืนยันผู้ตายไม่มีโรคประจำตัว แต่เคยเป็นงูสวัดจนลามไปที่หูและพบอาการขาบวมไม่ถึง 2 สัปดาห์ก่อนเสียชีวิต ขณะที่แพทย์ระบุหากเกิดแผลมีโอกาสรับเชื้อแบคทีเรียจนเนื้อเน่าได้โดยเฉพาะกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ .-สำนักข่าวไทย

วันแรกห้ามคนไทยไปทำงาน “กาสิโน-สถานบันเทิง” ปอยเปต

กัมพูชา 17 มิ.ย. – ติดตามบรรยากาศวันแรกของการยกระดับมาตรการคุมเข้มการเดินทางข้ามไปที่กาสิโนฝั่งกัมพูชา ที่ด่านคลองลึก จ.สระแก้ว ด่านที่มีมูลค่าการค้าสูงสุดระหว่างไทยและกัมพูชา สำหรับวันแรกของมาตรการยกระดับตามคำสั่งกองกำลังบูรพาที่ห้ามไม่ให้คนไทยข้ามไปบ่อนและคาสิโนฝั่งกัมพูชาทั้งคนที่จะข้ามไปทำงานและเล่นการพนัน ในช่วงเช้าก่อนที่จะทราบมาตรการ พบมีคนไทยจำนวนมากนั่งต่อแถวยาวเหยียดตั้งแต่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมืองยาวไปจนถึงตลาดโรงเกลือระยะทาง 2 กิโลเมตร แต่เมื่อมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงมาตรการที่มีการยกระดับและให้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินปรากฏว่าคนไทยที่นั่งต่อแถวได้แยกย้ายไปอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้หลังการยกระดับคำสั่งของกองกำลังบูรพาพบว่าจากเดิมที่มีคนไทยข้ามไปฝั่งปอยเปตเฉลี่ยวันละ 4,000-5,000 คน วันนี้ปรากฏว่าเป็นคนไทยเดินทางข้ามไปเป็นความบังเอิญที่ตัวเลขทั้งข้ามไปโดย Flowing Pass หรือบัตรผ่านแดนชั่วคราวและข้ามไปโดยพาสปอร์ตมีตัวเลขตรงกันคือมีข้ามไปเพียงอย่างละ 196 คนเท่านั้น โดยมีรายงานว่าสำหรับคนที่ไม่ได้ข้ามไป ถ้าเป็นคนในพื้นที่ที่เคยข้ามไปทำงาน บางส่วนก็กลับไปที่บ้านพัก แต่สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางข้ามไปกาสิโนฝั่งกัมพูชา บางส่วนก็เดินทางกลับต้นทาง แต่บางส่วนที่หวังว่า อาจมีการผ่อนคลายมาตรการ ก็เปิดรีสอร์ตหรือห้องพักต่างๆ ใกล้เคียงด่านเป็นที่พำนัก ทำให้ขณะนี้รีสอร์ตและโรงแรมต่างๆ ในอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว มีผู้เข้าพักเต็มในหลายที่ด้วยกัน พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ตม.จว.สระแก้ว เปิดเผยว่าได้รับคำสั่งจากกองกำลังบูรพาตั้งแต่ค่ำวานนี้และถือปฏิบัติตั้งแต่เวลา 08.00 น. ที่ผ่านมา ดังนั้นประชาสัมพันธ์ถึงคนไทยที่อยู่ในฝั่งปอยเปตให้รีบเดินทางกลับมายังฝั่งไทยส่วนคนไทยที่จะเดินทางข้ามไปอย่างกัมพูชาหากไม่จำเป็นขอให้งดการเดินทาง ทั้งนี้สำหรับการรองรับหลังมีการควบคุมบริเวณด่านพรมแดนไม่ข้ามไปยังบ่อนกาสิโนฝั่งกัมพูชา พบว่าเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะตำรวจตระเวนชายแดนและทหารพรานคุมเข้มตั้งแต่ต้นน้ำ และมีรายงานว่ามีการวางกำลังตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาในเขตจังหวัดสระแก้วเช่น เพื่อป้องกันการลักลอบใช้ช่องทางธรรมชาติเพื่อเข้าไปยังประเทศกัมพูชา.-สำนักข่าวไทย

บอร์ดค่าจ้างเคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท กทม.-บางกิจการ ตจว.

กทม. 17 มิ.ย.-แรงงานเฮ! ก.แรงงาน ขับเคลื่อนสำเร็จ “ปลัดบุญสงค์” เผยบอร์ดค่าจ้างเคาะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท พื้นที่กรุงเทพฯ และบางกิจการในต่างจังหวัด เริ่ม 1 ก.ค.นี้ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ชุดที่ 22 ครั้งที่ 6/2568 มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้น ค่าจ้างขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาท ในหลายพื้นที่และกลุ่มกิจการทั่วประเทศ โดยถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการยกระดับรายได้ให้กับแรงงานไทย ตามแนวทางนโยบายของรัฐบาลและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ที่มุ่งให้แรงงานไทยมีค่าจ้างที่เป็นธรรม และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน มติของที่ประชุมในวันนี้ ซึ่งประกอบด้วยกรรมการจากฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายลูกจ้าง และฝ่ายรัฐบาล รวม 15 คน มีเสียงเห็นชอบ 2 ใน 3 โดยกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ ดังนี้•พื้นที่กรุงเทพมหานคร ปรับค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวัน ทั่วพื้นที่•ต่างจังหวัด ปรับค่าแรง 400 บาท […]