ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค. – “สมคิด” ห่วงเศรษฐกิจไทยสั่งทุกหน่วยงานต้องมีมาตรการรองรับ ด้านขุนคลัง “อุตตม” เตรียมหารือผู้ว่า ธปท.ให้ประสานนโยบายการเงินให้สอดรับกับนโบายการคลังดูแลเสถียรภาพเศรฐษกิจประเทศร่วมกัน
ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ 6 ส.ค. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงต่อผลกระทบเศรษฐกิจไทยจากเหตุการณ์ความไม่สงบในฮ่องกง ซึ่งมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นไทยเล็กน้อยเท่านั้น สำหรับการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินหยวนและค่าเงินบาทที่ผันผวนในขณะนี้ ได้มอบหมายให้หน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยกันดูแล พร้อมจัดทำมาตรการรองรับต่อไป
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนมาก มีความตั้งใจว่า ในเร็วๆนี้ กระทรวงการคลัง จะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อติดตามดูแลสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยไม่อยากให้นักลงทุนตระหนกตกใจมากเกินไป เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ผลกระทบเกิดขึ้นเพียงช่วงระยะเวลาอันสั้นเท่านั้น ซึ่งมั่นใจว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีพื้นฐานแข็งแกร่งเพียงพอ คิดว่า
“ในเรื่องของเสถียรภาพทางธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกับกระทรวงการคลัง เราก็ดูแลอยู่ว่า ผลกระทบต่อประเทศ ผลกระทบต่อภาคเอกชน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเป็นอย่างไร ซึ่งก็จะได้หารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น ทางกระทรวงอุตสาหกรรม ทางกระทรวงพาณิชย์ที่มีส่วนช่วยกันดูแลผู้ประกอบการ” นายอุตตมกล่าว
สำหรับคำถามที่ว่า ขณะนี้มีความจำเป็นที่นโบายการเงินมีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามาช่วยดูแลเศรษฐกิจประเทศเพิ่มเติมจากนโยบายการคลังอย่างไรบ้าง นายอุตตม กล่าวว่า จะต้องหารือกันเพราะนโยบายการเงินเกี่ยวข้องกับ ธปท. แต่ขอเรียนว่า ทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง จำเป็นต้องสอดรับกันเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะเป็นเท่าใดจึงจะเหมาะสมจากที่ปัจจุบันอยู่ที่ ร้อยละ 1.75 ยังตอบไม่ได้ ขอหารือกับธปท.ก่อน
นายสนธิรัตน์ สนธิจรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า เพื่อดูแลเศรษฐกิจประเทศ นอกจากดูแลราคาพลังงานแล้ว ยังเร่งรัดให้มีการนำกองทุนอนุรักษ์พลังงานใช้ในการพัฒนาพลังงานเกิดไฟฟ้าชุมชนสร้างรายได้ให้กับชุมชนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนไม่เป็นเฉพาะผู้บริโภคพลังงานเท่านั้น แต่จะเป็นผู้ผลิตพลังงานที่พร้อมจะมีรายได้ นอกจากนี้ จะแก้ไขปัญหาผลผลิตปาล์มน้ำมัน และCPO ในระยะยาว โดยขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมให้มีการใช้ไบโอดีเซล B10 และB20 หากดำเนินการได้จะทำให้เกิดความสมดุลเรื่องผลผลิตปาล์ม และช่วยให้ราคาผลปาล์มน้ำมันดีขึ้น . – สำนักข่าวไทย