จับตาผลกระทบการค้ารอบใหม่

นนทบุรี 2 ส.ค. – กระทรวงพาณิชย์เฝ้าติดตามผลกระทบการค้ารอบใหม่ หลังผู้นำสหรัฐประกาศขึ้นภาษีจีนมีผล 1 ก.ย.นี้ เตรียมประชุม กรอ.พาณิชย์ถกแนวทางรับมือ 14 ส.ค.นี้


น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวถึงท่าที่สหรัฐอเมริกาเตรียมปรับภาษีต่อสินค้าจีนรอบใหม่ เตรียมขึ้นภาษีร้อยละ  10 จำนวน 3,812 รายการ  ซึ่งมี 7 รายการที่ซ้ำกับมาตรการ 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ บังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยรอบใหม่จะมีผลวันที่ 1 กันยายน 2562 นั้น จะเป็นสินค้าส่วนที่เหลือเกือบทั้งหมดที่สหรัฐนำเข้าจากจีนส่วนใหญ่ครอบคลุมสินค้าอุปโภค และบริโภค อาทิ อาหาร อุปกรณ์ เครื่องใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์เสริม) เสื้อผ้าและรองเท้า เครื่องประดับ และของเล่น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้บริโภคสหรัฐ ทั้งนี้ สหรัฐยกเว้นสินค้าบางรายการ อาทิ ยา และแร่ Rare Earth 

ทั้งนี้ การขึ้นภาษีครั้งนี้ใหม่ สหรัฐอ้างว่าจีนไม่ทำตามข้อตกลงที่เคยได้ให้ไว้ คือ ไม่ซื้อสินค้าเกษตร (ถั่วเหลือง และอื่นๆ) และยังขายยา Fentanyl (ยาระงับปวด) ไปยังสหรัฐ บวกกับการเจรจาครั้งที่ 12 แม้ว่าสหรัฐ – จีน มีกำหนดการเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกครั้งเดือนกันยายน 2562 และความเห็น ของผู้นำสหรัฐยังคงใช้มาตรการทางภาษีเพื่อกดดันจีน โดยเฉพาะให้นำเข้าสินค้าเกษตรซึ่งเป็นฐานเสียงหลักของสหรัฐในแถบ Midwest ขณะที่จีนมีท่าทีดึงการเจรจาออกไป โดยอาจรอดูแนวโน้มผลการเลือกตั้งของสหรัฐเดือนพฤศจิกายน 2562  


อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวไม่ได้กระทบไทยเพียงประเทศเดียว แต่ส่งผลไปทั่วโลกอาจทำให้ปริมาณการค้าโลกหดตัว รวมทั้งส่งผลต่อตลาดเงิน ตลาดทุน และราคาน้ำมัน ที่มีการตอบสนองทันทีหลังผู้นำสหรัฐทวีตประกาศการขึ้นภาษีตอบโต้ครั้งล่าสุด ตลาดหุ้นดาวน์โจนส์ร่วงลงกว่า 200 จุด เช่นเดียวกับราคาน้ำมัน โดยก่อนหน้านี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดคาดการณ์ GDP และปริมาณการค้าโลก รวมถึงสินค้าและบริการปี 2562 จะเหลือเพียงร้อยละ 3.2 และ 2.5 ตามลำดับ  หากสหรัฐเดินหน้าขึ้นภาษีจริง ขณะที่ผลกระทบทางตรงต่อการส่งออกไทยและผลกระทบทางอ้อมผ่านห่วงโซ่อุปทานจีน ประเมินว่ามีไม่มาก เมื่อเทียบกับมาตรการที่ผ่านมา และบางส่วนเป็นสินค้าที่ไทยมีการนำเข้าสุทธิปี 2561 และ 2562 แต่กระทรวงพาณิชย์จะติดตามและเฝ้าระวังผลกระทบผ่านห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์อย่างใกล้ชิด 

นอกจากนี้ รายการสินค้าที่ไทยสามารถแสวงหาโอกาสในการส่งออกเพิ่มได้ โดยเฉพาะมีสินค้าเกษตรหลายรายการ ไทยมีโอกาสที่จะส่งออกเพิ่มในตลาดสหรัฐกว่า 725 รายการ โดยเป็นสินค้าที่ไทยมีด้วยส่วนแบ่งตลาดและความสามารถทางการแข่งขันในรายสินค้า (RCA) สูง ประกอบกับภาพลักษณ์ที่ดีของสินค้าไทยสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้บริโภค อาทิ อาหารและเครื่องปรุงอาหาร (เครื่องเทศ น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันมะพร้าว พีนัท ถั่ว Pignolia น้ำตาลอ้อย) น้ำผลไม้ ขิง ชาเขียว เสื้อผ้าและผ้าผืน รองเท้า อุปกรณ์กีฬา เครื่องประดับ (ไข่มุกและนาฬิกา) และของใช้ในบ้าน (เครื่องเซรามิค เครื่องแก้ว) ดังนั้น การตอบโต้กันระหว่างสหรัฐและจีนเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเช่นไทย โดยรัฐบาลและกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจเตรียมจัดประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ. พาณิชย์) วันที่ 14 สิงหาคมนี้ จะมีการหารือประเด็นต่าง ๆ และแนวทางรับมือ เช่น ทำแผนรุกตลาดสินค้าศักยภาพลงลึก และเร่งการพัฒนาการส่งออกผ่านออนไลน์ (e-commerce) เตรียมข้อมูลเรื่อง non-tariff measures ที่เป็นอุปสรรคสำคัญที่ควรเร่งเจรจา เร่งผลักดันการค้าชายแดนที่มีศักยภาพในการขยายตัว

“สงครามการค้าครั้งนี้ไม่ได้มีแต่สหรัฐและจีนที่เจ็บตัวกัน แต่ผลกระทบกระจายไปทั่วโลก เจ็บตัวกันไปไม่มากก็น้อย ซึ่งไม่เป็นการดีกับการค้าโลกที่ยังเปราะบาง มองว่าความขัดแย้งของ 2 ประเทศ มีรากเหง้าลึกกว่าเรื่องของการค้า เป็นการแข่งขันกันในด้านเทคโนโลยีและการมีอิทธิพลในทวีปเอเชียด้วย จึงอาจจะเป็นหนังเรื่องยาว ในส่วนของไทยแม้ว่าอาจจะทำให้การส่งออกลดลงบ้างในปีนี้ แต่ท่ามกลางปัญหา ก็ยังเห็นโอกาสอยู่หลายจุด เพราะเศรษฐกิจไทยและการส่งออกไทยมีพื้นฐานที่เข้มแข็ง สินค้าไทยหลายตัวมีมาตรฐานสูงและมีชื่อเสียงในตลาดโลก ขณะนี้เป็นโอกาสที่จะนำสินค้าไทยแทรกเข้าไปในหลายตลาด แม้ว่าระยะสั้นอาจจะต้องมีผลกระทบแรงต่อการส่งออก แต่มั่นใจว่าถ้าทุกภาคส่วนร่วมมือกันก็จะรับมือได้อย่างแน่นอน” น.ส.พิมพ์ชนก กล่าว


นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังติดตามสถานการณ์การนำเข้าอย่างใกล้ชิดกลุ่มสินค้าสำคัญ ได้แก่ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ฯ อลูมิเนียม เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เสื้อผ้า รองเท้า และผลิตภัณฑ์สิ่งทออื่น ๆ เครื่องจักรไฟฟ้าฯ ทองแดง และเคมีภัณฑ์ เพื่อป้องกันการสินค้าไหลเข้ามาไทยจำนวนมากจากมาตรการภาษีระหว่างสหรัฐและจีนที่อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศและผู้บริโภค ซึ่งยังไม่พบการนำเข้าที่ผิดปกติในช่วงที่ผ่านมา .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนแล้วหนี! 2 หนุ่มกลัวถูกจับดึงสลักระเบิดดับ

2 หนุ่มชนแล้วหนี โบกรถมาขึ้นสามล้อเครื่อง ตำรวจตามกระชั้นชิด ตัดสินใจดึงสลักระเบิด แต่สะดุดล้มระเบิดตูมสนั่นดับ 1 ส่วนอีกคน ถูกจับโดยละม่อม

“ไบเดน” เปิดทำเนียบขาวต้อนรับ “ทรัมป์” ถกถ่ายโอนอำนาจ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเปิดห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวหารือนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดี ซึ่งต่างให้คำมั่นการถ่ายโอนอำนาจจะเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

“อี้ แทนคุณ” เผยคดีใหม่ “ฟิล์ม” ชวนลงทุนคล้าย forex เสียหายกว่า 60 ล้าน

“อี้ แทนคุณ” เผยคดีใหม่ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ชักชวนลงทุนในดูไบ คล้าย forex ความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท ขณะที่อีกฝ่ายอ้างนำเงินไปลงทุนจริงแต่ขาดทุน

ข่าวแนะนำ

“หนุ่ม กรรชัย” งดเคลียร์ “ฟิล์ม” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด

“หนุ่ม กรรชัย” ประกาศตัดสัมพันธ์ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด งดเคลียร์ ซัดเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี ชี้เรื่องนี้ไม่ต้องเตือน ให้ย้อนไปดูที่บ้านได้สั่งสอนหรือไม่

เริ่มแล้ว ประเพณียี่เป็งหรือลอยกระทงเชียงใหม่

ประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทง จ.เชียงใหม่ ปีนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีจากแสงไฟที่ประดับไปทั่วเมือง และความงดงามทางวัฒนธรรมมากมาย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย

“จิราพร” สั่งตรวจสอบปมคลิปเสียงอ้างชื่อ-จ่อแจ้งความเอาผิด

“จิราพร สินธุไพร” ยืนยันไม่รู้จักนักร้องเรียนหญิง ที่แอบอ้างว่าเป็นคณะทำงาน ประสานฝ่ายกฎหมายเร่งตรวจสอบคลิปเสียง เพื่อแจ้งความดำเนินคดี