กรุงเทพฯ 14 ส.ค.- รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ติดตามสถานการณ์หลังเกิดเหตุระเบิดหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนอย่งใกล้ชิด ซึ่งแต่ละกองบัญชาการยังคงตรึงกำลังเข้มรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละพื้นที่รายงานสถานการณ์เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ประชุมผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เรน กับศูนย์ปฎิบัติการทั่วประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 7,8 และ9 โดยสอบถามเป็นรายพื้นที่ โดยกองบัญชาการตำรวจนครบาล มีการตั้งจุดตรวจความมั่นคง 33 จุด เพื่อตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยและรถยนต์ อีกทั้งได้ตั้งจุด ว.43 เพื่อติดตามสถานการณ์ข่าวเกี่ยวกับระเบิด และความไม่สงบ รวมถึงปัญหาเด็กแว้น ซึ่งในพื้นที่ตำรวจนครบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และไม่พบการแจ้งเบาะแสะวัตถุระเบิด
ด้านกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 รายงานไม่พบเหตุระเบิดในพื้นที่ โดยมีการเพิ่มมาตราการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ มีการตั้งด่านตรวจ 4 จุด เส้นทางเข้า-ออก รอบท่าอากาศยาน รวมทั้งประสานชุด EOD ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และชุด EOD ประจำท่าอากาศยาน รวมถึงกำลังของทหารไว้ในที่ตั้ง
กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 รายงานแหล่งท่องเที่ยวอย่างพัทยา และชลบุรี ได้เพิ่มมาตราการรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว และรักษาพื้นที่ เบื้องต้นไม่พบการแจ้งเบาะแสเหตุระเบิด
ขณะที่พื้นที่ตำรวจภูธรภาค 3 รายงานว่า พบวัตถุต้องสงสัยที่ขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าหน้าที่ชุด EOD ตรวจสอบพบ ภายในเป็นน้ำ//น้ำหนัก 1 กิโลครึ่ง ส่วนพื้นที่อำเภอวารินชำราบ พบวัตถุต้องสงสัย เป็นเครื่องที่ฉายโปรเจ็คเตอร์ ที่มีผู้ทิ้งเอาไว้
ตำรวจภูธรภาค 4 ประชาชนแจ้งพบวัตถุต้องสงสัย เมื่อตรวจสอบแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ ขณะที่พื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 แหล่งท่องเที่ยวสำคัญทางภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่และเชียงราย รายงานว่า ในรอบ 24 ชั่วโมง สถานการณ์ปกติ แต่ได้เพิ่มมาตราการรักษาความปลอดภัยตามแหล่งท่องเที่ยวและชุมชนที่มีประชาชนอยู่จำนวนมาก
อย่างไรก็ตามพล.ต.อ.พงศพัศ ระบุว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กำชับให้ทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่เกิดเหตุระเบิด ให้คงกำลังเจ้าหน้าที่และมาตราการรักษาความปลอดภัยไปจนถึง 09:00 น. พรุ่งนี้ จากนั้นจะติดตามประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
นอกจากนี้ได้ให้ทุกกองบัญชาการสำรวจกล้องวงจรปิดตามแหล่งท่องเที่ยวและจุดล่อแหลมให้พร้อมใช้งาน 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย