นักธุรกิจร้องถูกเจ้าของโครงการให้ยุติกิจการหลังซื้อห้องตั้งเป็นสำนักงาน

กรุงเทพฯ 30 ก.ค.- นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้อง ปคบ.ดำเนินคดีกับเจ้าของโครงการคอนโดหรู กับพวก หลังไปซื้อห้องที่ประกาศขายเป็นสำนักงาน แล้วกลับถูกให้ยุติกิจการ


นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ นำนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับผู้บริโภค หรือ ปคบ. หลังจากผู้เสียหายซื้อห้องที่ประกาศขายเป็นสำนักงาน ที่ชั้นล่างของคอนโดแห่งหนึ่งในซอยลาดพร้าว 130 เมื่อปี 2557 และถูกนิติบุคคลให้ออกจากพื้นที่เมื่อปี 2559 เนื่องจากอ้างว่าแบบแปลนที่ห้องดังกล่าวเป็นที่พักอาศัย

ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อต้นปี 2557 ได้ตกลงซื้อห้องดังกล่าวจากนางสาวสุภษา สิริธนาสาร ในราคา 2 ล้าน 6 แสนบาท โดยทางบริษัทเจ้าของโครงการคอนโดโฆษณาไว้ว่าห้องดังกล่าวได้เปิดเป็นสำนักงาน หรือทำธุรกิจเชิงพาณิชย์ ไม่สามารถพักอาศัยได้ และลักษณะที่ตั้งของห้องเป็นกระจกรอบด้าน รวมทั้งเข้าออกได้ทางเดียว ซึ่งนางสาวสุภษา ยืนยันว่าห้องนี้เป็นสำนักงานขายเก่าของคอนโด 


แต่เมื่อถึงเวลาโอนห้อง ผู้ขายอ้างว่าติดขัดเรื่องการโอน จึงขอเช่าห้องและตกแต่งห้องทำธุรกิจไปก่อน จนถึงเวลาซื้อขาย ผู้ขายขอขึ้นราคาห้องเป็น 3 ล้านบาท จึงจำเป็นต้องตัดสินใจซื้อ เพราะลงทุนไปแล้ว 

หลังจากดำเนินธุรกิจไปได้ประมาณ 3 ปี นิติบุคคลก็ได้มีคำสั่งให้ยุติกิจการในห้องดังกล่าว และนำแบบแปลนการก่อสร้างที่อ้างว่าห้องดังกล่าวสร้างเป็นที่พักอาศัยไม่ใช่เพื่อตั้งสำนักงาน ทำให้ต้องปิดบริษัท สร้างความเสียหายไปกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งคดีนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดีอยู่ในศาลแพ่ง

ขณะที่นายอนันตชัย เปิดเผยว่า หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย ก็ได้ไปสืบค้นเอกสารทั้งหมดจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับที่พักอาศัยนี้ พบว่าเอกสารการโฆษณาของคอนโด ประกาศขายเป็นห้องประกอบธุรกิจ และยื่นเอกสารกับกรมที่ดินว่าเป็นห้องประกอบการพาณิชย์เช่นกัน มีเพียงแบบพิมพ์เขียวที่จะต้องส่งรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ที่ระบุห้องดังกล่าวเป็นที่พักอาศัย เนื่องจากจะได้ลดขั้นตอนรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม


คดีนี้พบว่ามีผู้เกี่ยวข้องร่วมกันฉ้อโกงประชาชนทั้งบุคคล และนิติบุคคล รวม 9 ราย และแจ้งความกับ ปคบ.ในข้อหา ร่วมกันแจ้งความเท็จ แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ  / ฉ้อโกงประชาชน / นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน

หลังจากนี้ก็จะไปยื่นเรื่องต่อสำนักการโยธา ให้ระงับการใช้และรื้อถอนอาคาร เนื่องจากแบบแปลนที่รายงานต่อหน่วยงานรัฐคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง และให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระงับการซื้อขายหุ้นของบริษัทเจ้าของโครงการ ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกเอกราช

ศาลสั่งจำคุก 5 ปี 93 เดือน “เอกราช” สส.ภูมิใจไทย

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก 5 ปี 93 เดือน นายเอกราช ช่างเหลา สส.ขอนแก่น เขต 4 พรรคภูมิใจไทย พร้อมสั่งชดใช้เงินกว่า 405 ล้านบาท คดียักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น 1,275 ล้านบาท

ลูกนายกเบี้ยว

“อนุทิน” ลั่นต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว”

“อนุทิน” ลั่นไม่มีใครใหญ่กว่าผม ต้องดำเนินคดี “ลูกชายนายกเบี้ยว” ฮึ่มเป็นลูกใครทำผิดกฎหมายก็โดน ถามใหญ่กว่าผมไหม ถ้าไม่ใช่ก็โดนหมด

สลด แม่คลอดลูกเสร็จ ไปเล่นสงกรานต์ต่อ ปล่อยเด็กตาย

สลด สาววัย 27 ปี คลอดลูกทิ้งไว้ข้างกระถางต้นไม้ แล้วไปเล่นน้ำสงกรานต์ต่อ นานกว่า 1 ชม. มีคนแจ้งกู้ภัย พยายามปั๊มหัวใจ แต่ช่วยเด็กไม่ทัน

ผู้ป่วยแจ้งกู้ภัยเข้ามาช่วย แต่บอกบ้านเลขที่ผิด สุดท้ายเสียชีวิต

สลด หญิงวัย 54 ปี หายใจไม่ออกโทรแจ้งกู้ภัยให้เข้ามาช่วยพาส่งโรงพยาบาล แต่ปรากฏว่าแจ้งบ้านเลขที่ผิด เจ้าหน้าที่หลงทาง สุดท้ายไปไม่ทัน เสียชีวิตอยู่ข้างแม่ที่เป็นผู้ป่วยติดเตียง พบทั้งบ้านมีกองขยะสูงเท่าหลังคา

ข่าวแนะนำ

“นายกเบี้ยว” พาลูกเข้ารับทราบข้อกล่าวหา-ตร.ยัน “พีช” เจตนาทำผิดอาญา

กรณี “พีช” ลูกนายกเบี้ยว ขับรถหรูปาดหน้าชนกระบะลุงป้า ตำรวจ สภ.ลำลูกกา ยืนยันพฤติการณ์ไม่ใช่แค่ขับรถประมาท แต่เจตนาทำผิดคดีอาญา และโดนแจ้งข้อหาขับรถไม่มีใบอนุญาต เนื่องจากใบขับขี่หมดอายุตั้งแต่ปี 64 ขณะที่ล่าสุด “นายกเบี้ยว” พาลูกชายเข้ารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว

“ชัชชาติ” รับหลักฐานบางส่วนเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

“ชัชชาติ” นำทีม กทม. พบ นายกฯ รายงานคืบหน้ากู้ซากอาคาร สตง. ถล่ม ย้ำ รัฐ-เอกชน ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่ขาดเหลือด้านใด เผย นายกฯ ติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง พร้อมให้ความร่วมมือตำรวจเก็บหลักฐาน แนะ ไปหน้างานประสานเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานได้เลย ยอมรับ หลักฐานบางส่วนพังเสียหาย อาจตรวจสอบคุณภาพยาก

ปิดเขาล้อมจับมือปืนลำดับ 93 หนีคดี 10 ปี

ปฏิบัติการบุกขึ้นเขาปิดล้อม จับกุมมือปืนคนสำคัญ ลำดับ 93 ค่าหัว 1 แสนบาท ก่อเหตุอุกอาจหนีคดีมา 10 ปี แต่สุดท้ายไม่รอดมือตำรวจ