ขอนแก่น 24 ก.ค.-น้องเฟรช ดญ.วัย14 ถูกชายวัย60 ยิงตาย ก่อนฆ่าตัวตายตาม คาดไม่พอใจฝ่ายหญิงตีตัวออกห่าง ด้านคู่หมั้นหนุ่มวัย 17 เผยตั้งใจจะมาสู่ขอน้องเฟรช หลังออกพรรษา รู้อยู่แล้วว่าคบซ้อนกับมือสังหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญ กรณีนายประสิทธิ์ รู้ปัญญา อายุ 60 ปี อดีตข้าราชการครูชาว อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิง ด.ญ.ณัฐมน หรือ “น้องเฟรช” อายุ 14 ปี นักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ขอนแก่น เสียชีวิต ก่อนจะใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวเองตายตามภายในห้องพักรีสอร์ทแห่งหนึ่งใน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น โดยผู้ดูแลห้องพักเข้าไปพบศพของทั้งคู่นอนเสียชีวิตบนเตียงนอนในเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 23 ก.ค.62 ที่ผ่านมา โดยสาเหตุของการสังหารครั้งนี้ คาดว่ามาจากการที่ฝ่ายชายไม่พอใจที่ฝ่ายหญิงคบหากับชายอื่นและตีตัวออกห่าง จึงพามาเคลียแต่ตกลงกันไม่ได้จึงเกิดเหตุสลดขึ้น
หลังเกิดเหตุญาติได้นำศพของน้องเฟรช กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านเกิดใน ต.นาข่า อ.มัญจาคีรี บรรยากาศที่บ้านเป็นไปด้วยความโศกเศร้า โดยเฉพาะผู้เป็นยายและแฟนหนุ่มของน้องเฟรช ผู้เสียชีวิต บรรดาเพื่อนบ้านต่างออกมาให้กำลังใจและคอยอยู่เป็นเพื่อนตายายของผู้เสียชีวิต และช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ ขณะที่พ่อและแม่ของน้องเฟรชกำลังเดินทางมาจาก กทม.เพื่อมาส่งลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย
นายจุลจักร หรือ “น้องมอส” อายุ 17 ปี คู่หมั้นของน้องเฟรช เปิดเผยว่า ตนเองและน้องเฟรชคบหากันมาได้ประมาณ 4 เดือนแล้วและได้ให้ทางครอบครัวมาหมั้นหมายน้องเฟรช ไว้แล้ว ซึ่งตั้งใจไว้ว่าหลังจากออกพรรษา จะให้พ่อแม่มาแต่งตามประเพณี เพราะตลอดช่วงที่คบกันตนเองก็ไปมาหาสู่ครอบครัวของน้องเฟรช ซึ่งอาศัยอยู่กับตาและยาย เป็นประจำ โดยตลอดระยะเวลาที่คบกันตนเองก็พอทราบว่าน้องเฟรช ได้พูดคุยกับชายสูงวัยที่เป็นคนฆ่าน้องเฟรช ซึ่งตนก็เคยบอกว่าให้เลิกติดต่อ แต่น้องเฟรชก็บอกตนเองว่าไม่ให้ยุ่ง
ด้านนางสมพงษ์ ยายของผู้เสียชีวิต เล่าว่า ที่ผ่านมาไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าหลานสาวคบหากับชายสูงวัยที่ก่อเหตุฆ่าหลานสาวของตนเอง และหลานสาวก็ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เพราะทุกวันเวลาที่หลานกลับจากเรียนหนังสือก็จะกลับมาช่วยงานบ้านยายเป็นปกติ เพราะยายอายุมากแล้วและทางบ้านก็มีอาชีพตัดฟืนขาย หลานสาวจึงเปรียบเสมือนแขนขาที่คอยช่วยเหลือยาย ซึ่งในวันที่หลานหายตัวไปคนในครอบครัวเป็นทุกข์ใจอย่างมาก แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น ตอนนี้ตนเองก็ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรในวันที่หลานไม่อยู่ด้วยแล้ว คิดแค่ว่าจะประกอบพิธีส่งดวงวิญญาณของหลานให้เสร็จสิ้นก่อน ส่วนเรื่องคดีความตนอยากให้ตำรวจดำเนินการให้ถึงที่สุด และขอเรียกร้องค่าเสียหายจากญาติผู้ที่ก่อเหตุฆ่าหลานของตนเอง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่โหดร้ายและสะเทือนใจของคนในครอบครัวอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย