‘พล.ต.อ.อัศวิน’ ยันโครงการเตาเผาขยะโปร่งใส

กทม.24 ก.ค.- ผู้ว่าฯ กทม.ยืนยันโครงการเตาเผาขยะ หมื่นล้าน โปร่งใส ไม่มีล็อกสเปค ไม่มีผู้มีอิทธิพลแทรกแซง


พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) แถลงข่าวข้อสงสัยโครงการเตาเผาขยะวันละ1,000 ตัน ที่หนองแขม และอ่อนนุช  ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการประกวดราคาจากผู้รับเหมาโครงการ โดยจะมอบหมายให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการทั้งการก่อสร้าง และการบริหารจัดการขยะ ตามสัญญา 20 ปี เมื่อหมดสัญญาทรัพย์สินจะเป็นของกรุงเทพมหานคร โดยกรุงเทพมหานคร จะว่าจ้างให้เอกชนดำเนินการทำลายขยะด้วยวิธีการเผา ในราคาตันละไม่เกิน 900 บาท ซึ่งรวม 20 ปีตามสัญญา จะมีมูลค่าถึง 13,140 ล้านบาท


ผู้ว่าฯ กทม.ระบุว่า โครงการนี้มีมูลค่า 13,000 ล้านบาทนั้นใช่ แต่ 20 ปี มีจำนวน 2 เตา เตาละ 6,500 ล้านโดยประมาณ และเมื่อเทียบกับเตาที่มีอยู่แล้วสร้างในปี 2556 เสร็จเปิดใช้ในปี 2559 ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ตันละ 970 บาท แต่ของใหม่ไม่ถึง 900 บาท ขอยืนยันเวลาต่างกัน 8 ปีแต่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าเกือบ 100 บาทต่อตัน 

สำหรับโครงการนี้เอกชนจะเป็นผู้ลงทุนในการสร้างโรงงาน และดำเนินกิจการเองทั้งหมด โดยรัฐไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยผู้ลงทุนได้สัมปทาน 20 ปี และสามารถต่อสัญญาได้อีก 5 ปี บวก 5 ปี โดยใช้รูปแบบ BOT คือ Build Operate Transfer (ก่อสร้าง ดำเนินงาน โอนสิทธิ) โดยจะโอนสิทธิให้ กทม. หลังหมดสัปทาน โดยค่าก่อสร้างเองประมาณเตาละ 3,000 ล้านบาท รวม 2 เตา และหลัง ครบ 20 ปี สมบัติทั้งหมดต้องตกเป็นของ กทม. 

ทั้งนี้ คำว่า 13,000 ล้านบาทไม่ใช่ว่าประมูลได้แล้ว กทม.เอาเงินไปให้ 13,000 ล้านบาท คือ 13,000 ล้านบาท คือมูลค่าที่จะได้จากการเผาขยะ แต่ละเดือนทำได้มากน้อยแค่ไหนก็มาเบิกจาก กทม.อีกทั้งตอนนี้ กทม.ก็ยังไม่อนุมัติให้ใครเป็นคนชนะเพราะที่อ่อนนุช มี 8 รายที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ ส่วนที่หนองแขมมี 5 ราย ตอนนี้ก็ไม่รู้ใครจะได้  จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้ชี้ชัดว่าใครจะได้รับงานไป ถ้าเข้าเกณฑ์ที่จะฮั้วประมูล ต้องมีแค่ 1 หรือ 2 รายนี่มีตั้ง 5 ราย 8 ราย  ถ้าล็อกให้ทั้งหมดคงตีกันตาย  ยืนยันว่าไม่มีฮั้วแน่นอนและไม่มีบุคคลภายนอกมาแทรกแซงแน่นอน


ส่วนวิธีการที่ กทม.ใช้กำจัดขยะอยู่ในตอนนี้คือ ฝังกลบ โดย กทม.เช่าพื้นที่ฝังกลบอยู่ตามต่างจังหวัด ในอนาคตถ้าทางจังหวัดปลายทางไม่ยอมให้ใช้เพราะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ กทม.จะทำอย่างไร  ผู้ว่าฯ กทม.กล่าวยืนยันจะต้องเดินหน้าโครงการนี้ต่อ เราอยากให้โครงการนี้ โปร่งใสจับต้องได้ ถ้าใครจะร้องเรียน จะว่าผิดก็ว่าไป เอาให้ติดคุกกันก็ได้เลย ไม่มีปัญหา แต่ต้องเดินหน้าต่อ

ผู้ว่าฯกทม.กล่าวอีกว่าทุกขั้นทุกตอนไม่ว่าหน่วยไหนก็มาตรวจสอบได้หมด ที่ผ่านมามี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็มาตรวจหมดแล้ว และ ผู้ที่เคยร้องเรียนกับศาลปกครอง ศาลก็ยกคำร้องเรื่องนี้ไปแล้ว  เหลือผู้ตรวจการแผ่นดินไม่รู้ว่าตรวจรึยัง 

“ยืนยันด้วยเกียรติว่าไม่มีปัญหาทุจริตแน่นอน ตัวผมเองกว่าจะเกษียณ อาชีพราชการตำรวจก็ต้องเจอแต่เรื่องสุ่มเสี่ยง กว่าจะรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้ ไม่อยากเอาชื่อเสียงมาทิ้ง จนเป็นตาแก่ที่ให้เขามาด่าตอนแก่หรอก” ผู้ว่าฯ กทม. กล่าว 

ส่วนหากได้บริษัทผู้รับเหมา จำเป็นหรือไม่ที่ต้องให้รองผู้ว่าฯ กทม.เซ็นทำไมไม่เป็นผู้ว่าฯ กทม.เซ็นเอง พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวในเรื่องนี้ว่า  ก็ในเมื่อมีรองผู้ว่าฯ อยู่แล้วก็ต้องดูแล แล้วก็ไม่ต้องมาถามต่อ ว่าถ้าหากรองฯ จักกพันธุ์ ที่ลาออกไปแล้ว รองฯ ทวีศักดิ์ ที่เพิ่งลาออกไปจะต้องเซ็นรับแทน  เรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะคนที่จะเสนอรับต้องเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ที่ดูแลในหน้างานด้านนี้เท่านั้น 

‘ไม่ต้องห่วงใครเข้ามาเป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ก็ต้องเซ็นเพราะถ้าผมเซ็นคนเดียวก็ไม่จำเป็นต้องมีรองผู้ว่าฯ เหมือนนายกรัฐมนตรีทำไมจะต้องมีรองนายกฯ ตั้ง 5-6 คน ก็เพื่อเป็นการผ่องถ่ายงาน ส่วนรองผู้ว่าคนใหม่ ท่านใดจะมารับช่วงต่อ เรื่องนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะมอบให้ใคร  พร้อมยืนยันการลาออกของรองผู้ว่าฯ กทม.ทั้ง 2 คน จะไม่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ หรือการทำงานของ กทม.ในอนาคต’ ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว 

ส่วนที่มีหลายคนนำไปเปรียบเทียบกับที่ภูเก็ตว่า ค่าดำเนินการถูกกวาแค่ตันละ500 บาทนั้น ผู้ว่าฯ กทม. ย้ำว่าเทคโนโลยีไม่เหมือนกันอีกทั้งยังสามารถขายไฟได้ เมกะวัตต์ ละ 5.80 บาท เพราะผลิตไฟขายได้ต่ำกว่า 10 เมกะวัตต์ แต่ของ กทม.ผลิตไฟได้เกินกว่า 10 เมกะวัตต์ จะขายได้ 3.55 บาท นี่คือส่วนต่าง

สำหรับไทม์ไลน์การเดินหน้าโครงการนี้ คาดว่าจะได้ผู้รับเหมาโครงการในเดือนหน้า ก่อนส่งสัญญาให้สำนักงานอัยการสูงสุดตรวจสอบสัญญาอีกประมาณ 1 เดือน  คาดว่าจะสามารถสรุปเสร็จสิ้นได้ผู้รับเหมาไม่เกินเดือนตุลาคมนี้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สมุทรปราการอ่วม! ปิด 25 โรงเรียนหนีน้ำท่วม

สมุทรปราการ 8 ก.ย.- สมุทรปราการอ่วม! ระดับน้ำยังท่วมสูง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ด้าน สพท. สั่งปิดแล้ว 25 โรงเรียน ปรับให้สอนแบบออนไลน์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือ สพท. สั่งปิด 25 โรงเรียนจังหวัดสมุทรปราการ 1 วัน พร้อมปรับการเรียนเป็นแบบออนไลน์ เพื่อความปลอดภัยของนักเรียนและผู้ปกครอง หลังฝนตกหนักทั้งคืน ถนนสายสำคัญหลายเส้นถูกน้ำท่วม บางแห่งสูงกว่า 30 เซนติเมตร รวมถึงตรอกซอกซอยต่าง ๆ โดยบางพื้นที่น้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ขณะเดียวกันหลายจุดยังคงมีน้ำท่วมขัง ระบายออกไม่ได้ เนื่องจากระดับน้ำในคลองสายหลักสูง ประกอบกับน้ำทะเลหนุน เจ้าหน้าที่เร่งระบายน้ำ หากฝนไม่ตกลงมาซ้ำ คาดว่าบ่ายวันนี้สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ทั้งนี้ มีรายงานว่าเกิดเหตุ หนุ่มวัย 17 ปี เข็นรถจักรยานยนต์ฝ่าน้ำ ถูกไฟรั่วจากแบริเออร์ก่อสร้างบนถนนแพรกษา ช็อตเสียชีวิตต่อหน้าเพื่อนบ้าน เจ้าหน้าที่เร่งสอบหาสาเหตุและป้องกันเหตุซ้ำ -สำนักข่าวไทย

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา “สส.ลูกเกด” คดี ม.112

กรุงเทพฯ 8 ก.ย. – ศาลสั่งจำคุก 4 ปี “ลูกเกด ชลธิชา” สส.ประชาชน คดี ม.112 คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือ 2 ปี 8 เดือน ส่าสุดศาลให้กันประกันตัวแล้ว กำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาต วันนี้ ( 8 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 901 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำ อ.595/65 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด สส.พรรคประชาชน จ.ปทุมธานี เป็นจำเลยในความผิด ดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฯ ม.4 (3) จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 จำเลยได้โพสต์ข้อความ ลงในเฟซบุ๊กตัวเอง เกี่ยวกับราษฎรสาส์น […]

รื้อทั้งยวง! โผ ครม.อนุทิน 1 เหตุ “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ภท.ต้องเกลี่ยใหม่

กรุงเทพฯ 7 ก.ย. – โผ ครม. “อนุทิน 1” รื้อทั้งยวง หลัง “ธรรมนัส” คุมท่องเที่ยว ทำภูมิใจไทยต้องเกลี่ยใหม่ “ไชยชนก” ดีอี “ซาบีดา” วัฒนธรรม รอเปิดคนนอก “กลาโหม-ยุติธรรม” แว่วพลตำรวจโท อดีตรองผู้การภาค 3 ติดโผ จับตา “ศักดิ์ดา” ร่วมด้วย​ ด้าน “นิพนธ์” จ่อดันลูกสาวเป็นรัฐมนตรีป้ายแดง เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโผ ครม.ล่าสุด พรรคภูมิใจไทยจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีส่วนใหญ่ประมาณ 12 ที่นั่ง โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั่งนายกรัฐมนตรี ควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี นั่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล […]

ชัยภูมิน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกตลอดคืน

ชัยภูมิ 7 ก.ย.-น้ำท่วมหนักใน 3 อำเภอของจังหวัดชัยภูมิ หลังฝนตกหนักตลอดทั้งคืน สภาพภายในวัดดอนไผ่ ริมถนนชัยภูมิ-นครสวรรค์ อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (7 ก.ย.) หลังพายุฝนกระหน่ำตลอดทั้งคืน ระดับน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร พระสงฆ์ต้องอพยพหนีน้ำท่วมไปฉันอาหารอยู่บนที่สูง ขณะนี้ระดับน้ำยังไม่ลดลง นอกจากนี้ ยังเกิดน้ำท่วมใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง ย่านเศรษฐกิจในตัวอำเภอแก้งคร้อ และอำเภอบ้านเขว้า น้ำป่าสีแดงขุ่นไหลเข้าท่วมถนนสาย 225 ชัยภูมิ-นครสวรรค์ รวมถึงร้านค้า บ้านเรือนประชาชน โดยเฉพาะที่วัดกลางโนนแดง และวัดดอนไผ่ สาเหตุมาจากกรมทางหลวงก่อสร้างถนน 4 เลน ตัดผ่านบ้านโนนแดง ต.โนนแดง อ.บ้านเขว้า ทำให้น้ำป่าที่ไหลมาจากเขาภูแลนคา ไม่สามารถไหลไปลงแม่น้ำชีได้.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“3 สส.” บัญชีรายชื่อใหม่ รายงานตัวต่อสภาแล้ว

รัฐสภา 10 ก.ย.- “3 สส.” บัญชีรายชื่อใหม่ “ทิพานัน-พล.ต.อ.อัศวิน-รุ่งเรือง” รายงานตัวต่อสภาแล้ว พร้อมผลักดันกฎหมายที่เป็นประโยชน์กับประเทศ น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้เข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตามประกาศสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากนายสุชาติ ชมกลิ่น ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายสุชาติ สิ้นสุดลง จึงประกาศให้ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรครวมไทยสร้างชาติ เลื่อนขึ้นมาเป็น สส. แทน โดย น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า การเป็น สส. คือผู้แทนของประชาชน วันนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งที่ได้เป็นตัวแทนในการทำงานฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งการมีกฎหมายที่ถูกต้องชัดเจนเป็นเรื่องที่ดี และจะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด ทั้งนี้มีกฎหมายที่ต้องอยากขับเคลื่อนโดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับเด็กและเยาวชน รวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อม เช่น เรื่องอากาศที่มีผลกระทบกับคนไทย นอกจากนี้ยังมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ เข้ารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากนายธนกร วังบุญคงชนะ ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็น สส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2568 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายธนกร […]

จับตา! ประชุม GBC “ไทย-กัมพูชา” ที่เกาะกง

10 ก.ย.- “ไทย-กัมพูชา” เปิดโต๊ะเจรจา GBC สมัยพิเศษ ที่จังหวัดเกาะกง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นำคณะผู้แทนระดับสูง ร่วมหารือสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคง ลดความตึงเครียด และเดินหน้ามาตรการสร้างสันติสุขชายแดน พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และว่าที่รัฐมนตรีกลาโหม นำคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 โดยมี คณะผู้แทนประกอบด้วย พลเอก ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม, พลอากาศเอก นนทรี อินทรสาลี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านกิจการความมั่นคงภายใน, นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พลเอก กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม, พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก, พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ และพลอากาศเอก วชิระพล […]

อุตุฯ เตือนไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 10 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และตอนบนของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟล้ม 24 ต้น ทำไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้าพัง

เชียงใหม่ 8 ก.ย.-วินาศสันตะโร กระบะส่งน้ำพุ่งชนเสาไฟฟ้าล้ม 24 ต้น บนถนนหนองฮ่อ อ.เมืองเชียงใหม่ ทำให้ไฟไหม้ร้านอาหาร บ้าน-ร้านค้ากว่า 10 หลัง พังเสียหาย ส่วนรถเสียหายนับสิบคัน ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง อุบัติเหตุเกิดขึ้นช่วงบ่ายที่ผ่านมา หลังรถกระบะบรรทุกน้ำดื่มเอกชนพุ่งชนเสาไฟฟ้าบนถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ก่อนถึง สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ประมาณ 300 เมตร โดยรถกระบะได้พุ่งชนเสาไฟฟ้าจนหักโค่นลงมา ก่อนที่รถจะเกี่ยวเข้ากับสายไฟลากไปอีกหลายสิบเมตร ทำให้สายไฟถูกดึงจนทำให้เสาไฟฟ้าโค่นล้มต่อๆ กันลงมาขวางถนนรวมแล้วกว่า 24 ต้น เสาไฟกิ่งเสียหาย 25 ต้น ทับบ้านเรือนประชาชนและร้านค้าพังเสียหายกว่า 10 หลัง และยังมีรถยนต์ที่จอดไว้ในบ้าน ริมถนน และที่ขับผ่านมา ถูกทับเสียหายเบื้องต้นมากกว่า 10 คัน นอกจากนี้สายไฟฟ้าที่ถูกดึงจนขาดยังทำให้เกิดเพลิงไหม้ร้านอาหารบริเวณดังกล่าวจนวอดเสียหายเกือบทั้งหมด อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้กระแสไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างและสร้างความแตกตื่นตกใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ขณะที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถกระบะสีขาว เป็นรถขนส่งน้ำดื่มอยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับ ถังน้ำดื่มตกเกลื่อน พบผู้บาดเจ็บเป็นชาย 2 คน เป็นพนักงานขับรถและคนงานที่นั่งมาด้วย เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันนำออกมาจากรถนำส่งโรงพยาบาล โดยพนักงานที่นั่งมาด้วยบาดเจ็บสาหัสเจ้าหน้าที่ต้องปั๊มหัวใจก่อนเร่งนำส่งโรงพยาบาล […]