กรุงเทพฯ 24 ก.ค. – สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดว่าปีนี้ส่งออกข้าว 9 ล้านตัน จากปัญหาภัยแล้งและเงินบาทแข็งค่า
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงการส่งออกข้าวไทยในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ว่า ไทยส่งออกข้าวไปแล้ว 4.36 ล้านตันข้าวสาร ลดลง 19.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่ส่งออกข้าวได้ 5.42 ล้านตัน แต่เป็นปริมาณมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากอินเดียในบรรดาประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก ทั้งนี้ คาดว่าปี 2562 ไทยจะส่งออกข้าวประมาณ 9 ล้านตัน สำหรับประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 อินเดียส่งออกข้าวไปแล้ว 5.95 ล้านตัน เวียดนาม 3.27 ล้านตัน ปากีสถาน 2.16 ล้านตัน สหรัฐ 1.59 ล้านตันและจีน 1.47 ล้านตัน
นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวถึงปัญหาภัยแล้งในช่วงฤดูฝนของไทยด้วยว่า จะส่งผลกระทบต่อชาวนาอย่างแน่นอน เพราะถ้าภายในต้นเดือนสิงหาคม 2562 ฝนยังไม่ตกการปลูกข้าวจะเป็นปัญหา เนื่องจากที่ผ่านมามีการไถกลบเพื่อเตรียมปลูกข้าวและหว่านเมล็ดข้าวไปแล้ว 2 รอบ แต่ยังปลูกข้าวไม่ได้เพราะไม่มีน้ำทำนา หากรอบที่ 3 ในเดือนสิงหาคมนี้ ยังปลูกข้าวไม่ได้จะสร้างปัญหาให้กับชาวนาและการส่งออกอย่างแน่นอน เพราะไทยจะผลิตข้าวลดลง แต่ขายราคาสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิมีแหล่งเพาะปลูกสำคัญทุ่งกุลาร้องไห้และภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จะมีปัญหาทั้งช่วงก่อนการเพาะปลูกและช่วงการเก็บเกี่ยว ซึ่งที่ผ่านมาในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2562 ไทยส่งออกข้าวหอมมะลิไปแล้ว 542,726 ล้านตัน และส่งออกปลายข้าวหอมมะลิไปแล้ว 181,442 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม จะต้องดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่กำลังจะมีการแถลงต่อรัฐสภาวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ แต่ก็มีข้อดีอยู่บ้าง เพราะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คือ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรัฐมนตรีที่มาจากพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้การผลิตและการตลาดไปในทิศทางเดียวกัน
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกข้าวไทย นอกจากปัญหาภัยแล้งยังมีเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งค่าและมากกว่าประเทศคู่แข่ง ทำให้ครึ่งปีหลังราคาข้าวไทยจะแพงขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี 2562 เงินบาทแข็งค่า 5% ขณะที่ค่าเงินรูปีของอินเดียอ่อนค่าลง 0.7% ค่าเงินด่องของเวียดนามค่อนข้างทรงตัว และค่าเงินรูปีของปากีสถานอ่อนค่าลงประมาณ 15%
ทั้งนี้ ในปี 2562 สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยคาดการณ์ว่าจะส่งออกข้าวได้ประมาณ 9 ล้านตัน มูลค่า 4,700 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 145,000 ล้านบาท.-สำนักข่าวไทย