เอสพีซีจีควงคู่พันธมิตรไทย-ญี่ปุ่นรุกโซลาร์รูฟท็อป

กรุงเทพฯ 22 ก.ค. – เอสพีซีจีจับมือ MUL, PEA ENCOM และ KYOCERA ลงนาม MOU เดินหน้าพัฒนาธุรกิจโซลาร์รูฟโรงงาน คาด 2 ปี กวาด 500 เมกะวัตต์ ลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท 


นางวันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ SPCG , Mr. Koji Nemoto, Managing Executive Officer, Mitsubishi UFJ Lease & Finance Company Limited หรือ MUL, นายเขมรัตน์ ศาสตร์ปรีชา รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ PEA ENCOM และ Mr. Masaki Tamagawa, General Manager Sales Division Corporate Solar Energy Group, KYOCERA Corporation, Japan หรือ KYOCERA ได้ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใน 31 กรกฎาคม 2562 โดยมีสัดส่วนร่วมทุนร้อยละ 35 ,35, 20 และ 10 ตามลำดับ  


นางวันดี กล่าวว่า จะเน้นไปที่ลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial) เป็นหลัก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นในประเทศไทย โดยคาดว่าใน 2 ปีนี้จะมีลูกค้าประมาณ 1,000 ราย กำลังผลิตไฟฟ้า 500 เมกะวัตต์ซึ่งเม็ดเงินลงทุนคาดว่าจะไม่ต่ำกว่าวงเงินที่บริษัทร่วมทุนจะให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน หรือปล่อยไฟแนนซ์ 30,000 ล้านบาท โดยบริการลูกค้าแบบ one stop service ตั้งแต่เริ่มติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาไปจนถึงการดูแลสนับสนุนลูกค้าภายหลังจากการติดตั้ง รวมถึงการให้บริการหลังการขาย และให้คำแนะนำและคำปรึกษา ทั้งด้านการดำเนินงานและการเงิน 

“บริษัทร่วมทุนใหม่นี้จะมีความเข้มแข็งแข่งกับคู่แข่งที่มีหลายรายในตลาดได้ เนื่องจากมีการให้การช่วยเหลือไฟแนนซ์ จาก MUL ที่พร้อมไฟแนนซ์ทั้ง 100% ประกอบกับนโยบายใหม่ของรัฐบาลเรื่องซื้อขายไฟฟ้าหักลบหลบหนี้ ก็คาดว่าจะทำให้มีลูกค้าเป็นไปตามเป้าหมาย” นางวันดี กล่าว

นอกจากนี้  เอสพีซีจีสนใจเข้าประมูลโครงการโซลาร์บนทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำร่องที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ขนาด 45 เมกะวัตต์ ส่วนความคืบหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์ม Ukujima Mega Solar Project ที่ญี่ปุ่น ขนาดกำลังผลิต  480 เมกะวัตต์ วงเงินลงทุน 60,000 ล้านบาท จะมีการประกาศการตัดสินใจขั้นสุดท้ายการลงทุนเดือนตุลาคมนี้กับพันธมิตรร่วมทุนทั้ง 8 ราย ว่ามีสัดส่วนร่วมทุนแต่ละรายเท่า โดยได้อัตราค่าไฟ 40 เยน/หน่วย  โครงการนี้จะเสร็จปี 2565 และปีนี้บริษัทคงเป้าหมายรายได้รวม 7,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรก 2562 บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 3,500 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นเป็นการร่วมทุนประมาณ  600 เมกะวัตต์ และในไทย 260 เมกะวัตต์ไม่รวมโซลาร์รูฟ. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง