นักวิชาการชี้ ครม.ใหม่ รมต.ไม่ชำนาญกระทรวงที่รับผิดชอบ

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-นักวิชาการรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ให้คะแนนโฉมหน้า ครม. 5 เต็ม 10 ชี้รัฐมนตรีไม่ชำนาญในกระทรวงที่รับผิดชอบ ภาพลักษณ์-ประวัติไม่โปร่งใส ทับซ้อนเรื่องผลประโยชน์





น.ส.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ว่า สะท้อนเห็น 4 ประการ ได้แก่ ความเข้มข้นในการกุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมีรัฐมนตรีที่มาจาก ครม.ประยุทธ์ 1 หลายคน และผสมผสานร่วมกับแกนนำ กปปส.ที่มาคุมกระทรวงสำคัญ เป็นความสัมพันธ์ค่อนข้างเหนียวแน่น เหนือกว่าการต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาล

น.ส.สิริพรรณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ พาย้อนไปยุคก่อนใช้รัฐธรรมนูญ 2540 คือ การมีรัฐบาลผสมที่มีรัฐมนตรีมาจากการนักการเมืองท้องถิ่น หรือ รัฐมนตรีมาเฟียในบางพื้นที่ ขณะเดียวกัน การที่กระทรวงหนึ่ง ๆ มีรัฐมนตรีมาจากหลายพรรคร่วม ทำให้การตรวจสอบจะเกิดขึ้นได้ยาก และคำถามที่ประชาชนคาใจ คือ คนที่เข้ามาคุมกระทรวง มีประสบการณ์ในการทำงาน มีภาพลักษณ์ที่ดีที่จะทำงานของกระทรวงได้หรือไม่ ซึ่งมองดูแล้ว แทบจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน คำถาม คือ การจัดตั้งรัฐบาล ได้คำนึงถึงเสียงสะท้อนของประชาชนหรือไม่ โดยบางกระทรวงจะเห็นถึงประโยชน์ทับซ้อน และคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการมีคดีติดตัวมา จากการที่เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ จึงเชื่อว่าแนวโน้มที่พรรคร่วมรัฐบาลจะเกาะกลุ่มกันแน่นจะมีมากขึ้น เพราะรู้ว่าหากแตกแถว โอกาสที่จะพลิกผันทางการเมืองจึงมีอยู่สูง นี่จึงเป็นความย้อนแย้งที่แม้รูปโฉมอาจจะไม่ค่อยหล่อไม่ค่อยสวย ไม่ถูกใจประชาชน แต่ในด้านหนึ่งก็ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เพราะเกาะกลุ่มกันแน่น อย่างมากที่สุดก็อาจปรับคณะรัฐมนตรีเร็วขึ้น แต่รัฐบาลน่าจะอยู่ได้สักระยะหนึ่ง

“ถ้าใช้คำตรง ๆ คือ รัฐบาลไม่ค่อยสนใจ หรือไม่แคร์เสียงประชาชนเท่าไหร่นัก ต้องกลับมามองว่ากติกาของประชาชนคืออะไร ประชาชนไม่พอใจแล้วทำอะไรได้ ตอนนี้เรามีนักเลงคีย์บอร์ดวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ แต่คำถามคือ ถ้าฝ่ายค้านเกิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ทำได้เลย อาจไม่ต้องรอให้บริหารงานไปเป็นปีก็ได้ แต่เสียงฝ่ายค้านเพียงพอจะจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะต้องใช้เสียง ส.ว.ด้วย อย่างมากที่สุด โหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม.ทั้งคณะ สภาก็โหวตกลับเข้ามาใหม่ได้ จัดตั้งรัฐบาลใหม่ รูปโฉมดีขึ้นกว่าเดิม แต่โอกาสที่ประชาชนจะตรวจสอบรัฐบาลจริง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมนั้น กติการัฐธรรมนูญไม่ได้เอื้อเอาไว้ ภาพของรัฐบาลชุดนี้จึงเป็นการสร้างสมดุลเองในพรรคร่วมรัฐบาล อย่างน้อยก็คือ อ้างว่ามาจากกระบวนการเลือกตั้งแล้ว มีการประนีประนอมของพลังอำนาจที่ทำให้รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำได้ และรัฐมนตรีต่าง ๆ กระจายให้กับพรรคทั้งหลาย” น.ส.สิริพรรณ กล่าว


น.ส.สิริพรรณ กล่าวอีกว่า สิ่งที่คณะรัฐมนตรีต้องพิสูจน์หลังจากนี้ คือ ประสิทธิภาพในการตอบสนองปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะนโยบายที่รับปากไว้ ความสามารถที่จะฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจขึ้นมาในระยะเวลาที่เศรษฐกิจอ่อนแอ ซึ่งเป็นตัวแปรหลักว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพมั่นคงเพียงใด แต่ยังเชื่อว่าหากฝ่ายค้านยังไม่มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ เสถียรภาพของรัฐบาลนี้ก็จะอยู่ได้ แค่ต้องพิสูจน์ในการบริหารประเทศ ที่น่าติดตาม คือ การแถลงนโยบายต่อสภาฯ เพราะแต่ละพรรคมีนโยบายเป็นของตัวเอง เชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลจะทำ คือ ออกมาเป็นนโยบายกว้าง ๆ ที่แบ่งเป็น ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมทั้งการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าดีขึ้น

“การที่รัฐบาลคุมกระทรวงเศรษฐกิจเอง สาเหตุหลัก คือ รัฐบาลต้องคุมเศรษฐกิจภาพรวม และกระทรวงการคลังเป็นผู้จัดสรรงบประมาณให้ทุกกระทรวง เป็นเหมือนหัวใจในการกระจายทรัพยากร ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐก็ยังคุมทิศทางของกระทรวงต่าง ๆ ได้อยู่ แม้พรรคร่วมรัฐบาลจะคุมกระทรวงหลัก แต่การบริหารจัดงานก็อยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคพลังประชารัฐ และคิดว่าการเกลี่ยกระทรวงครั้งนี้ เป็นภาพสะท้อนว่าพรรคพลังประชารัฐยังอยู่ภายใต้การเกาะกลุ่มที่เหนียวแน่นของ คสช.และกลุ่ม กปปส.ที่มาอยู่ในพรรคอย่างชัดเจน และ ยอมรับว่า เป็นห่วงกระทรวงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ที่ไม่ได้เปลี่ยนตัวบุคคลเท่าไหร่นัก เศรษฐกิจไทยในระดับรากหญ้าถดถอยลงมา จึงอยากให้คนที่มีวิสัยทัศน์ กระตุ้นเศรษฐกิจ หาเงินจากนอกประเทศไหลเข้ามา ดังนั้น จึงขอให้คะแนนหน้าตารัฐบาลชุดนี้ ต่ำกว่า 5 คะแนน จากคะแนนเต็มสิบ ด้วยเหตุผลคือ ไม่มีบุคลากรที่มีความชำนาญในกระทรวงที่ตนเองรับผิดชอบ รวมทั้งกรณีที่หนึ่งกระทรวงมีรัฐมนตรีจากหลายพรรคร่วมบริหาร ซึ่งจะส่งผลถึงปัญหาการบูรณาการเชิงนโยบาย ตลอดจนภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่มีประวัติไม่โปร่งใส และทับซ้อนเรื่องผลประโยชน์” น.ส.สิริพรรณ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

สยบรอยร้าว “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพคู่ “เอกนัฏ” ยัน รทสช.ไปต่อ

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – “พีระพันธุ์” โพสต์ภาพโชว์ปึก “เอกนัฏ” สยบรอยร้าว ขอบคุณร่วมอดทนต่อสู้ทุนใหญ่ ยัน รทสช.ไปต่อแน่ ป้อง “ทีมสุดซอย” ถูกใส่ร้าย เมื่อเวลา 21.00 น. วันนี้ (12 มิ.ย.68) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมข้อความระบุว่า “ผูกพันและเชื่อใจ การที่มีคนกล่าวหาขิงว่าจะไปขอให้มาโค่นทำลายผมจากหัวหน้าพรรค ผมได้แต่ขำ ขิงกับผม เราผ่านร้อนผ่านหนาวด้วยกันมามาก คำพูดแบบนี้จึงเป็นเรื่องขำๆ ของคนที่คิดคำแก้ตัวไม่ออก ผมกับท่านเลขาฯ ขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เรารู้จักกันมานาน ตั้งแต่ขิงยังไม่เข้ามาวงการเมือง จนมาทำงานการเมืองร่วมกัน ขิงเป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเล่นการเมือง เป็นคนซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา เมื่อผมจะทำพรรคการเมือง คนแรกที่ผมคิดถึงจึงเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก ‘ขิง’ ผมหารือกับขิงว่าอยากชวนเขามาทำพรรคการเมืองตามแนวทางที่เราอยากทำอยากให้เป็น คือเป็นพรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาทุกอย่างเพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อจะมีสถานะหรือมีตำแหน่งทางการเมือง […]

จับตานายกฯ ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย. – จับตา “นายกฯ แพทองธาร” ถกหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค ปรับ ครม. หลังเลื่อนประชุม ครม.สัญจร จ.พิษณุโลก 23-24 มิ.ย.นี้ คาดรอ ครม.ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.) ที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งลาราชการในเวลา 11.30-13.00 น. หลังจบภารกิจเป็นประธานในพิธีปิดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี 2568 และมีรายงานว่านายกฯ มีภารกิจร่วมประชุมผู้ปกครอง จากนั้นจะกลับมาปฏิบัติงานที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงบ่าย ทั้งนี้ มีรายงานว่า นายกฯ จะเชิญหัวหน้าพรรคร่วมบางพรรค หารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ท่ามกลางกระแสข่าวการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย และปัญหาภายในของพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้เกิดความชัดเจน นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร ) ระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้ ที่ จ.พิษณุโลก ออกไปก่อน […]

เสียงจากช่องบก รอวันสันติภาพ

อุบลราชธานี 12 มิ.ย. – ผ่านมาแล้ว 15 วัน นับตั้งแต่เหตุการณ์ปะทะที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังคงตึงเครียด แต่ชาวบ้านในพื้นที่ต่างตั้งความหวังว่าการประชุม JBC วันที่ 14 มิ.ย.นี้ จะหาทางออกได้โดยสันติ เพื่อให้ประชาชนทั้งสองประเทศได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ.-สำนักข่าวไทย

แอร์อินเดียพร้อมผู้โดยสาร 242 คน ตกที่สนามบินอาห์เมดาบัด

นิวเดลี 12 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์ อินเดีย ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกรุงลอนดอน ของอังกฤษ พร้อมด้วยผู้โดยสาร 242 คน เกิดอุบัติเหตุตก หลังจากที่เพิ่งออกเดินทางจากสนามบินเมืองอาห์เมดาบัด ทางตะวันตกของอินเดีย เพียงไม่กี่นาที แอร์อินเดีย กล่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวมีกำหนดเดินทางไปยังสนามบินแก็ตวิก ในอังกฤษ ขณะที่ตำรวจกล่าวว่า เครื่องบินตกในบริเวณพื้นที่พลเรือนใกล้กับสนามบิน ไฟลท์เรดาร์ 24 ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวทางอากาศ กล่าวว่า เครื่องบินลำนี้เป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องบินโดยสารที่ทันสมัยมาก ๆ ที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ โทรทัศน์ของอินเดีย รายงานว่า อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นจากสนามบิน ภาพจากโทรทัศน์ช่องหนึ่ง แสดงให้เห็นภาพเครื่องบินออกจากสนามบินและบินอยู่เหนือพื้นที่ย่านพักอาศัยของประชาชน จากนั้นเครื่องบินก็หายไปจากจอ ก่อนที่จะเห็นควันไฟขนาดใหญ่ลอยจากบ้านเรือนประชาชนขึ้นไปบนท้องฟ้า นอกจากนั้น ยังมีภาพประชาชนถูกเคลื่อนย้ายด้วยเปลไปยังรถพยาบาลที่นำผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาล ช้อมูลการควบคุมการจราจรทางอากาศที่สนามบินอาห์เมดาบัด ระบุว่า เครื่องบินออกเดินทางเมื่อเวลา 13.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกับ 15.09 น. ตามเวลาในประเทศไทย จากทางวิ่งหมายเลข 23 เครื่องบินส่งสัญญาณฉุกเฉินขอความช่วยเหลือ แต่หลังจากนั้นก็ติดต่อนักบินไม่ได้อีกเลย.-813.-สำนักข่าวไทย