นักวิชาการชี้ ครม.ใหม่ รมต.ไม่ชำนาญกระทรวงที่รับผิดชอบ

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-นักวิชาการรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ให้คะแนนโฉมหน้า ครม. 5 เต็ม 10 ชี้รัฐมนตรีไม่ชำนาญในกระทรวงที่รับผิดชอบ ภาพลักษณ์-ประวัติไม่โปร่งใส ทับซ้อนเรื่องผลประโยชน์





น.ส.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ว่า สะท้อนเห็น 4 ประการ ได้แก่ ความเข้มข้นในการกุมอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยมีรัฐมนตรีที่มาจาก ครม.ประยุทธ์ 1 หลายคน และผสมผสานร่วมกับแกนนำ กปปส.ที่มาคุมกระทรวงสำคัญ เป็นความสัมพันธ์ค่อนข้างเหนียวแน่น เหนือกว่าการต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาล

น.ส.สิริพรรณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดนี้ พาย้อนไปยุคก่อนใช้รัฐธรรมนูญ 2540 คือ การมีรัฐบาลผสมที่มีรัฐมนตรีมาจากการนักการเมืองท้องถิ่น หรือ รัฐมนตรีมาเฟียในบางพื้นที่ ขณะเดียวกัน การที่กระทรวงหนึ่ง ๆ มีรัฐมนตรีมาจากหลายพรรคร่วม ทำให้การตรวจสอบจะเกิดขึ้นได้ยาก และคำถามที่ประชาชนคาใจ คือ คนที่เข้ามาคุมกระทรวง มีประสบการณ์ในการทำงาน มีภาพลักษณ์ที่ดีที่จะทำงานของกระทรวงได้หรือไม่ ซึ่งมองดูแล้ว แทบจะไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน คำถาม คือ การจัดตั้งรัฐบาล ได้คำนึงถึงเสียงสะท้อนของประชาชนหรือไม่ โดยบางกระทรวงจะเห็นถึงประโยชน์ทับซ้อน และคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการมีคดีติดตัวมา จากการที่เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ จึงเชื่อว่าแนวโน้มที่พรรคร่วมรัฐบาลจะเกาะกลุ่มกันแน่นจะมีมากขึ้น เพราะรู้ว่าหากแตกแถว โอกาสที่จะพลิกผันทางการเมืองจึงมีอยู่สูง นี่จึงเป็นความย้อนแย้งที่แม้รูปโฉมอาจจะไม่ค่อยหล่อไม่ค่อยสวย ไม่ถูกใจประชาชน แต่ในด้านหนึ่งก็ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เพราะเกาะกลุ่มกันแน่น อย่างมากที่สุดก็อาจปรับคณะรัฐมนตรีเร็วขึ้น แต่รัฐบาลน่าจะอยู่ได้สักระยะหนึ่ง

“ถ้าใช้คำตรง ๆ คือ รัฐบาลไม่ค่อยสนใจ หรือไม่แคร์เสียงประชาชนเท่าไหร่นัก ต้องกลับมามองว่ากติกาของประชาชนคืออะไร ประชาชนไม่พอใจแล้วทำอะไรได้ ตอนนี้เรามีนักเลงคีย์บอร์ดวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบ แต่คำถามคือ ถ้าฝ่ายค้านเกิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ทำได้เลย อาจไม่ต้องรอให้บริหารงานไปเป็นปีก็ได้ แต่เสียงฝ่ายค้านเพียงพอจะจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ เพราะต้องใช้เสียง ส.ว.ด้วย อย่างมากที่สุด โหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม.ทั้งคณะ สภาก็โหวตกลับเข้ามาใหม่ได้ จัดตั้งรัฐบาลใหม่ รูปโฉมดีขึ้นกว่าเดิม แต่โอกาสที่ประชาชนจะตรวจสอบรัฐบาลจริง ๆ อย่างเป็นรูปธรรมนั้น กติการัฐธรรมนูญไม่ได้เอื้อเอาไว้ ภาพของรัฐบาลชุดนี้จึงเป็นการสร้างสมดุลเองในพรรคร่วมรัฐบาล อย่างน้อยก็คือ อ้างว่ามาจากกระบวนการเลือกตั้งแล้ว มีการประนีประนอมของพลังอำนาจที่ทำให้รัฐบาลพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำได้ และรัฐมนตรีต่าง ๆ กระจายให้กับพรรคทั้งหลาย” น.ส.สิริพรรณ กล่าว


น.ส.สิริพรรณ กล่าวอีกว่า สิ่งที่คณะรัฐมนตรีต้องพิสูจน์หลังจากนี้ คือ ประสิทธิภาพในการตอบสนองปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะนโยบายที่รับปากไว้ ความสามารถที่จะฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจขึ้นมาในระยะเวลาที่เศรษฐกิจอ่อนแอ ซึ่งเป็นตัวแปรหลักว่ารัฐบาลจะมีเสถียรภาพมั่นคงเพียงใด แต่ยังเชื่อว่าหากฝ่ายค้านยังไม่มากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ เสถียรภาพของรัฐบาลนี้ก็จะอยู่ได้ แค่ต้องพิสูจน์ในการบริหารประเทศ ที่น่าติดตาม คือ การแถลงนโยบายต่อสภาฯ เพราะแต่ละพรรคมีนโยบายเป็นของตัวเอง เชื่อว่าสิ่งที่รัฐบาลจะทำ คือ ออกมาเป็นนโยบายกว้าง ๆ ที่แบ่งเป็น ระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว รวมทั้งการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจรากหญ้าดีขึ้น

“การที่รัฐบาลคุมกระทรวงเศรษฐกิจเอง สาเหตุหลัก คือ รัฐบาลต้องคุมเศรษฐกิจภาพรวม และกระทรวงการคลังเป็นผู้จัดสรรงบประมาณให้ทุกกระทรวง เป็นเหมือนหัวใจในการกระจายทรัพยากร ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐก็ยังคุมทิศทางของกระทรวงต่าง ๆ ได้อยู่ แม้พรรคร่วมรัฐบาลจะคุมกระทรวงหลัก แต่การบริหารจัดงานก็อยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคพลังประชารัฐ และคิดว่าการเกลี่ยกระทรวงครั้งนี้ เป็นภาพสะท้อนว่าพรรคพลังประชารัฐยังอยู่ภายใต้การเกาะกลุ่มที่เหนียวแน่นของ คสช.และกลุ่ม กปปส.ที่มาอยู่ในพรรคอย่างชัดเจน และ ยอมรับว่า เป็นห่วงกระทรวงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกระทรวงการคลัง ที่ไม่ได้เปลี่ยนตัวบุคคลเท่าไหร่นัก เศรษฐกิจไทยในระดับรากหญ้าถดถอยลงมา จึงอยากให้คนที่มีวิสัยทัศน์ กระตุ้นเศรษฐกิจ หาเงินจากนอกประเทศไหลเข้ามา ดังนั้น จึงขอให้คะแนนหน้าตารัฐบาลชุดนี้ ต่ำกว่า 5 คะแนน จากคะแนนเต็มสิบ ด้วยเหตุผลคือ ไม่มีบุคลากรที่มีความชำนาญในกระทรวงที่ตนเองรับผิดชอบ รวมทั้งกรณีที่หนึ่งกระทรวงมีรัฐมนตรีจากหลายพรรคร่วมบริหาร ซึ่งจะส่งผลถึงปัญหาการบูรณาการเชิงนโยบาย ตลอดจนภาพลักษณ์ของรัฐบาลที่มีประวัติไม่โปร่งใส และทับซ้อนเรื่องผลประโยชน์” น.ส.สิริพรรณ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

คุมได้แล้ว! เพลิงไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร

สมุทรสาคร 7 ก.ค. – คุมได้แล้ว! ไฟไหม้โรงงานผลิตยาง จ.สมุทรสาคร พบต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมัน หวั่นอาคารพังถล่ม หลังโหมไหม้รุนแรง ภาพจากมุมสูงจะเห็นอาคารที่เกิดเหตุมีขนาดใหญ่เนื้อที่ราวๆ 3-4 ไร่ ต.บ้านเกาะ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ของบริษัทประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ทำจากยาง เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถน้ำของ อบต.บ้านเกาะ และพื้นที่ใกล้เคียงกว่า 20 คัน ฉีดน้ำสกัดเพลิงที่โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า มีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ จุดต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณท่อส่งน้ำมันที่ใช้ในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน เนื่องจากมีเชื้อเพลิงไวไฟ ประกอบกับภายในมีสินค้าประเภทยางที่ผลิตแล้วเป็นจำนวนมาก ทำให้เพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วจนอาคารเริ่มทรุดตัว มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงงาน 1 คน และเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 1 คน เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้ แต่ไฟยังดับไม่สนิท เนื่องจากภายในมีทั้งเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต วัตถุดิบไวไฟ และสินค้ายางยืดที่ผลิตเสร็จแล้วจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี จึงต้องฉีดน้ำหล่อเลี้ยงไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ชุดผจญเพลิงนำอุปกรณ์เข้าไปดับไฟด้านใน ทั้งนี้ ต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยจากตัวอาคารที่อาจพังถล่มลงมาได้ เนื่องจากถูกไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจนเสียหายเกือบทั้งหมด คนงานเล่าว่าเพลิงลุกที่ท่อส่งน้ำมันที่ส่งไปยังเครื่องจักร ซึ่งใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าประเภทยาง แต่ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร […]

หนุ่มวัย 24 สารภาพผลักลูกเลี้ยงหัวฟาดพื้นดับ คุมทำแผนฯ

นนทบุรี 7 ก.ค. – ตำรวจคุมตัวพ่อเลี้ยงโหด ผลักลูกเลี้ยงวัย 2 ขวบ ล้มศีรษะฟาดพื้นเสียชีวิต ทำแผนฯ หลังเค้นสอบกว่า 6 ชั่วโมง จนยอมรับ อ้างโมโหเด็กส่งเสียงดังรบกวน ตำรวจ สภ.บางบัวทอง คุมตัวนายธนวัฒน์ อายุ 24 ปี ทำแผนประกอบคำรับสารภาพทำร้ายร่างกาย “น้องขงเบ้ง” อายุ 2 ขวบ 5 เดือน ลูกเลี้ยง จนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พร้อมให้การว่า เด็กส่งเสียงดังรบกวนจึงเกิดความโมโหผลักจนล้ม ทำให้บริเวณท้ายทอยกระแทกกับพื้น กระทั่งแน่นิ่งไป เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 18.00-20.00 น. เมื่อวานนี้ (6 ก.ค.) ส่วนบาดแผลรอยจ้ำตามร่างกายและบาดแผลอื่นๆ นายธนวัฒน์ยังไม่รับสารภาพ ต้องรอผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ประกอบอีกครั้ง แม่ของเด็ก อายุ 25 ปี เล่าว่า ตนออกไปทำงานทุกวัน เวลา 4 โมงเย็น […]

“บิ๊กเต่า” เผย “สีกา ก.” ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ เลือกเหยื่อรวย-เข้าถึงง่าย

7 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เรียกประชุมแบ่งภารกิจให้กองใต้สังกัด สืบสวนสอบสวนหาข้อมูลเพิ่ม เผยคืบหน้ากรณี “ทิดอาชว์” และนางสาว ก. เจ้าตัวยอมรับเลือกแต่คนรวย-เข้าถึงง่าย อ้างสำนึกผิด ยอมร่วมมือกับตำรวจ พร้อมจี้สำนักพุทธฯ ทำงานให้มากกว่านี้ เพื่อเรียกศรัทธาวงการสงฆ์กลับมา ความคืบหน้าในประเด็น อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ ทิดอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เจ้าคณะภาค 14-15 สายธรรมยุต มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับนางสาว ก. จนถูกแบล็กเมล์รีดไถ่เงิน 7.3 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้ เวลา 14.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ได้เรียกคณะทำงานเข้าประชุมวางแผนการทำงานในกรณีของทิดอาชว์และนางสาว ก. ซึ่งใช้เวลาประมาณกว่า 3 ชั่วโมง โดย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ออกมาเผยความคืบหน้าว่า วันนี้เป็นการเรียกประชุมกองงานต่าง ๆ เพื่อแบ่งสายงานมอบหมายภารกิจให้แต่ละกองไปสืบสวนสอบสวนหาข้อมูลมาเพิ่มเติม ภายหลังจากที่ทำการสอบสวนนางสาว ก. และได้ข้อมูลมามากพอสมควร […]

Cambodia strongly rejects Thailand’s baseless claim over Ta Krabei Temple

กัมพูชาโต้ไทยอ้างปราสาทตาควายอยู่ในไทย

พนมเปญ 7 ก.ค.- กัมพูชาคัดค้านอย่างหนักว่า ไทยอ้างโดยไร้มูลว่า ปราสาทตาควายอยู่ในดินแดนไทย และตำหนิไทยว่าห้ามชาวกัมพูชาคล้องผ้าขาวม้าขึ้นปราสาทตาควาย เว็บไซตขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า กระทรวงกลาโหมแห่งชาติของกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์แสดงความคัดค้านอย่างหนักต่อการกล่าวอ้างอย่างไร้มูลและโอหังของสื่อไทย เจ้าหน้าที่ทหารไทย และพลเรือนชาวไทยบางกลุ่มที่ว่า ปราสาทตาควายตั้งอยู่ในดินแดนอธิปไตยของไทย แถลงการณ์ของกัมพูชาระบุว่า การกล่างอ้างดังกล่าวเป็นการบิดเบือนความจริงอย่างสิ้นเชิง เพราะไทยอ้างแผนที่ฝ่ายเดียวที่ไม่มีคุณค่าทางกฎหมายตามหลักการกฎหมายสากล กัมพูชายืนยันว่า ในทางภูมิศาสตร์แล้วปราสาทตาควายตั้งอยู่ในเทือกเขาดงรัก อำเภอบันเตียอัมปึล จังหวัดอุดรเมียนเจยหรืออุดรมีชัย ซึ่งทั้งหมดอยู่ในดินแดนและอธิปไตยของกัมพูชา โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ได้รับการรับรองจากสากล แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุว่า ทหารไทยห้ามนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาคล้องผ้ากรอมาหรือผ้าขาวม้าติดธงชาติกัมพูชาขึ้นปราสาทตาควาย แต่กลับอนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยสวมเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับติดธงชาติไทย ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงทวิภาคีที่เคยตกลงกันไว้.-814.-สำนักข่าวไทย