กรุงเทพฯ 12 ก.ค. – ผอ.ขสมก.ไฟแรง หลังปลดล็อกกลับมานั่งเก้าอี้ทำงานอีกครั้ง เตรียมหารือกระทรวงคมนาคม ประเด็นเส้นทางเดินรถ 137 เส้นทาง โดยจะปรับการเดินรถเส้นทางให้สอดคล้องเปิดใช้รถไฟฟ้าที่จะทยอยบริการประชาชนตั้งแต่กลางปี 62
นายสุระชัย เอี่ยมวัชระสกุล ผู้อำนวยการ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดใจกับทีมข่าวสำนักข่าวไทย หลังจากกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งจากที่ก่อนหน้านี้โดนคำสั่ง ม.44 หยุดปฏิบัติหน้าที่ 2 ปี ล่าสุดมีคำสั่งนายกรัฐมนตรีระบุไม่มีความผิดให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่เร่งรัดจัดทำแผนฟื้นฟู ขสมก.อีกครั้ง
นายสุระชัย ยืนยันว่ากรอบแผนฟื้นฟูปัจจุบันค่อนข้างชัดเจนถึงแนวทางปฏิบัติทุกประเด็นคืบหน้ากว่าร้อยละ 90 หลังจากนี้จะดำเนินการตามกรอบที่คณะรัฐมนตรีชุดที่ผ่านมาอนุมัติ โดยในส่วนของ ขสมก.จะมีการนำแนวทางตามแผนปฏิรูปหารือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมคนใหม่ เพื่อพิจารณาว่าจะมีการปรับเปลี่ยนแผนหรือมีประเด็นใดต้องขอความเห็นชอบจาก ครม.ชุดใหม่ ก็สามารถดำเนินการได้
สำหรับประเด็นสำคัญเรื่องการจัดหารถ ยังยืนยันว่ากรอบการจัดหารถตามแผนฟื้นฟูที่มีการกระจายการจัดหารถเมล์ แบ่งตามการใช้เชื้อเพลิงแต่ละชนิดจะดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ 3,000 คัน หลังจากก่อนหน้านี้มีการรับมอบรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ก็จะมีทั้งจัดซื้อรถใหม่ ทั้งใช้เชื้อเพลิงไฮบริด รถเมล์ไฟฟ้า (อีวี) และการนำรถเก่ากลับมาปรับปรุงให้กลับมาอยู่ในสภาพใช้งานได้ ทั้งหมดจะเดินตามแผนที่วางไว้
ส่วนเส้นทางเดินรถที่ได้รับการจัดสรรจากกรมการขนส่งทางบก 137 เส้นทางนั้น ต้องปรับปรุงเส้นทางให้ทันสมัยตลอดเวลาสอดคล้องระบบขนส่งที่ใช้ในเมือง ดังนั้น ตั้งแต่กลางปี 2562 จะทยอยเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายถึงหลักสอง ทำให้มีประชาชนส่วนหนึ่งจะเปลี่ยนไปใช้บริการรถไฟฟ้าแทน ซึ่งเรื่องนี้เป็นตัวอย่างที่ดีต้องปรับปรุงให้รถเมล์เป็นระบบขนส่งต่อเชื่อมกับระบบรถไฟฟ้าและจะต้องดำเนินการอีกหลายเส้นทางที่รถไฟฟ้าเปิดใช้งาน ซึ่งจะนำเรื่องนี้หารือด่วนกับกระทรวงคมนาคมและกรมการขนส่งทางบก
นายสุระชัย กล่าวว่า สำหรับการปรับโครงสร้างองค์กรทำเออร์รี่รีไทร์พนักงานประมาณ 5,000 คน ได้มีการหารือกับประธานสหภาพ ขสมก.แล้ววันนี้ (12 ก.ค.) ซึ่งยืนยันว่าการดำเนินการให้พนักงานเข้าร่วมโครงการจะเป็นไปโดยสมัครใจและค่อย ๆ ดำเนินการ รวมถึงการดูแลพนักงานที่ยังมีความประสงค์จะทำงานก็สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่ไม่ให้รับผลกระทบ ส่วนการแก้ไขฐานะการเงินที่มีภาระขาดทุนและเป็นหนี้สะสมกว่า 100,000 ล้านบาท ในแผนฟื้นฟูมีความชัดเจนในเรื่องรัฐบาลจะเข้ามาร่วมรับภาระ โดยจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะรับภาระสัดส่วนเท่าใด โดยเฉพาะในส่วนบริการสังคม หรือพีเอสโอ ในช่วงที่ผ่านมา แต่มั่นใจว่าการภาครัฐรับภาระดังกล่าวจะช่วยลดภาระ ขสมก. จากปัจจุบันมีภาระดอกเบี้ยจากหนี้เก่าปีละกว่า 3,000 ล้านบาท หากสามารถลดหนี้ลงได้จะทำให้วงเงินดอกเบี้ยชำระแต่ละปีลดลงได้มาก
ส่วนการจัดทำอีทิคเก็ต ที่ผ่านมาการว่าจ้างเอกชนรายหนึ่งดำเนินการไปแล้ว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ขณะที่พิจารณาตามแผนฟื้นฟูพบว่าการจัดหาอีทิคเก็ตที่เป็นโครงการในอดีตจนถึงปัจจุบันทีโออาร์ที่จัดทำขึ้นไม่สอดคล้องกับสถานการณ์และเทคโนโลยีปัจจุบัน ดังนั้น ภายในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ ขสมก.จะชี้ขาดว่าจะยกเลิกทีโออาร์เดิม และยกร่างทีโออาร์ใหม่เพื่อดำเนินการจัดทำอีทิคเก็ตให้สอดคล้องกับแนวทางพัฒนาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและตั๋วร่วมตามนโยบายกระทรวงคมนาคม.-สำนักข่าวไทย