ฎีกาจำคุก 2 ปี ‘เชาวรินธร์’ ฉ้อโกง-ชดใช้บริษัทกัมพูชา 11 ล้าน!

กรุงเทพฯ 10 ก.ค.- ศาลฎีกายืนจำคุก 2 ปี “เชาวรินธร์” ฉ้อโกงเงินสั่งซื้อปูนซีเมนต์ จากบริษัทประเทศกัมพูชา เป็นเงินกว่า 11ล้านบาท


ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 โจทก์ และบริษัท บี.พี.ซี เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักดิ์ศิริ อายุ 72 ปี อดีต รมช.ศึกษาธิการ และ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14 (1), 17 (1)

โจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2558  ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2557 บริษัท บี.พี.ซี.เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) ได้สั่งซื้อสินค้าจำพวกปูนซิเมนต์ จากบริษัท ทีพีไอโพลีนพับบลิค จำกัด (ประเทศไทย) โดยทำใบสั่งซื้อส่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ในลักษณะจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล ซึ่งบริษัท ทีพีไอโพลีนฯ ได้ออกหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าแจ้งให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินค่าสินค้าจำนวน 352,781 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 11,428,308.40 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทย จำกัด ของบริษัท ทีพีไอโพลีนฯ แต่ระหว่างวันที่ 6 – 9 พ.ค. 2557 จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลใบสำคัญเก็บสินค้าเสียใหม่ เป็นว่าให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินค่าซื้อปูนซิเมนต์ จำนวน 11,428,308.40 บาท ผ่านเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา ชื่อ Thai and Chinese Bhuddhist Culture หรือสมาคมวัฒนธรรมวิถีพุทธไทย-จีน ที่มีจำเลยเป็นนายกสมาคมฯ โดยทุจริต ซึ่งเป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จนทำให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ หลงเชื่อว่าเป็นบัญชีของบริษัท ทีพีไอโพลีนฯ ผู้เสียหายที่ 2 แล้วโอนเงินค่าเข้าบัญชีเงินฝากโดยที่บัญชีดังกล่าวเป็นของจำเลยกับพวก ซึ่งต่อมาจำเลยได้โอนเงินเข้าบัญชีของตัวเอง เหตุเกิดขึ้นที่แขวง-เขตดุสิต จำเลยให้การปฏิเสธในการต่อสู้คดี 


โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2559 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาฯ มาตรา 352 วรรคสอง และให้จำเลยคืนเงินค่าชำระสินค้า 11,428,308.40 บาท แก่บริษัทโจทก์ร่วมด้วยต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์สู้คดี

ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษา เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2560 ว่า การที่จำเลยแก้ไขข้อมูลบัญชีธนาคารอันเป็นเท็จ แม้ในทางนำสืบโจทก์และโจทก์ร่วมไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยในฐานะนายกสมาคมฯ เจ้าของบัญชีธนาคารดังกล่าว เป็นผู้เข้าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือข้อความผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือให้บุคคลอื่นดำเนินการแก้ไขนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลในส่วนของบัญชีธนาคารอันเป็นเท็จ แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำความผิดที่เป็นการนำข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) นั้น ผู้กระทำผิดสามารถกระทำได้ในที่ลับหรือกระทำในที่ใดก็ได้โดยผ่านระบบคอมพิวเตอร์ จึงเป็นการยากแก่การหาประจักษ์พยานมายืนยันการกระทำความผิดได้ จึงต้องวินิจฉัยคดีจากพยานแวดล้อม รวมทั้งพฤติการณ์ต่างๆ แห่งคดีเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า หลังจากโจทก์ร่วมโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้ว วันรุ่งขี้นจำเลยได้เบิกถอนเงินออกไปจากบัญชีทั้งหมด โดยมีการโอนเงิน 10,742,600 บาท เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาสีลม ของบุคคลหนึ่ง โดยอ้างว่าเพื่อชำระหนี้เงินกู้และค่าสั่งซื้อไวน์ 42,600 บาท กับโอนเงินส่วนที่เหลือเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลย เป็นเงิน 685,708.40 บาท โดยอ้างว่าเพื่อใช้หนี้ที่จำเลยใช้เงินส่วนตัวสำรองจ่ายในการก่อสร้างรูปเคารพพระแม่โพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม แต่การเบิกถอนและยักย้ายเงินดังกล่าว จำเลยอ้างว่าเป็นเงินบริจาคนั้น เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยแทบทั้งสิ้น และเมื่อจำเลยโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวแล้ว จำเลยจึงไปเบิกถอนเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาศรีย่าน จำนวน 6 แสนบาทถ้วน เนื่องจากไม่สามารถถอนเงินจากธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา ได้เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ ส่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำโดยเร่งรีบ เพื่อยักย้ายเงินออกไปจากบัญชี ซึ่งผิดปกติวิสัยในการจัดการเงินบริจาค นอกจากนี้ที่จำเลยอ้างว่า สาเหตุที่รีบโอนเงินให้บุคคลอื่นเป็นการชำระหนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเยอะ แม้จำเลยจะมีสำเนาสัญญากู้ยืมเงินมาแสดงต่อศาล แต่ไม่มีพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องมาเบิกความว่ามีหนี้ต่อกันจริง จึงเป็นการง่ายต่อการกล่าวอ้าง และที่จำเลยอ้างว่ามีบริษัท เฮงซกเฮง จำกัด ประเทศกัมพูชาเป็นผู้โอนเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีสมาคมฯ เพื่อบริจาคในการสร้างรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิม ก็เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ

ดังนั้นคดีนี้แม้โจทก์และโจทก์ร่วมจะไม่มีประจักษ์พยาน แต่ตามพยานแวดล้อมที่นำสืบกันมาประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดีเชื่อมโยงกันมีน้ำหนัก เชื่อว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เพื่อหลอกลวงให้โจทก์ร่วมโอนเงินค่าสินค้าเข้าบัญชีเงินฝากดังกล่าว แล้วจำเลยก็รีบถอนเงินออกไปเพื่อใช้ประโยชน์ส่วนตัว 


การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาฉ้อโกง ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องในข้อหานี้แต่ลงโทษในข้อหายักยอกทรัพย์นั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น เมื่อฟังเป็นเช่นนี้แล้วไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยในส่วนข้อหายักยอกทรัพย์อีก เพราะไม่ได้ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักสุด ให้จำคุกจำเลย 3 ปี แต่ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 2 ปี และให้จำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้เสียหายด้วยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ต่อมาจำเลยได้ยื่นฎีกาและศาลอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกาสู้คดี

โดยวันนี้ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ เดินทางมาศาลพร้อมภรรยา ลูก ทนายความและบุคคลใกล้ชิด ที่ติดตามมาให้กำลังใจ 

ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่าฎีกาของจำเลยที่อ้างว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น คดีนี้มีการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและประเทศกัมพูชาซึ่งอยู่นอกราชอาณาจักร โดย ป.วิอาญา มาตรา 20 ให้อัยการสูงสุดมีอำนาจมอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีใด หรือให้พนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายเป็นพนักงานสอบสวน ซึ่งคดีนี้อัยการสูงสุดมอบให้พนักงานสอบสวนสน.ดุสิต ดำเนินการสอบสวนร่วมกับอัยการมีผู้กำกับ สน.ดุสิต รับผิดชอบสำนวน เมื่อดำเนินการแล้วส่งให้อัยการยื่นฟ้อง การสอบสวนจึงเป็นไปตามกฎหมายแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง

ส่วนกรณีที่จำเลยฎีกาอ้างว่า บจก.บี.พี.ซี.เทรดดิ้ง โจทก์ร่วม ไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีเพราะเงินที่โอนเข้าบัญชีนั้น เป็นของบริษัท ซกเฮง ฯ ข้อนี้ก็ได้ความจากบริษัทโจทก์ร่วมว่า บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทในเครือของโจทก์ร่วม ซึ่งโจทก์ร่วมมอบหมายให้โอนเงินเข้าบัญชีตามที่จำเลยแจ้ง ดังนั้นโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายตาม ป.วิอาญา (4) และที่จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นกรณีฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ชัดเจนแล้ว ฎีกาของจำเลยไม่อาจทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนจำคุกจำเลย 2 ปี ตามศาลอุทธรณ์ และให้คืนเงินจำนวน  11,428,308.40 บาท แก่บริษัทโจทก์ร่วมด้วย

ภายหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัว ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ไปยังห้องควบคุมตัวผู้ต้องขังชั้นล่างศาลอาญา เพื่อรอรับตัวกลับไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว 

ขณะที่ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ เปิดเผยสั้นๆ ภายหลังศาลฎีกาพิพากษาว่า ตนมีความเคารพคำพิพากษาของศาล แต่ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้ฉ้อโกง เพราะตนเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) และรัฐมนตรีหลายสมัยกรณีนี้ ตนเพียงแต่ทำหน้าที่รับโอนเงินเพื่อจะจัดสร้างองค์เจ้าแม่กวนอิม ที่ตนมีตำแหน่งนายกสมาคมฯอยู่เท่านั้นเอง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พลทหารเหยียบกับระเบิดพื้นที่ปราสาทตาควาย

สุรินทร์ 27 ส.ค.-พลทหารเหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย ขาขวาท่อนล่างขาด เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 15.45 น. เกิดเหตุ พลทหาร อดิศร ป้อมกลาง สังกัด กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ บริเวณขาขวาท่อนล่างขาด หน่วยในพื้นที่ได้เข้าดำเนินการช่วยเหลือ และนำส่งเพื่อรับการรักษาแล้ว รายละเอียดอื่นๆ จะรายงานให้ทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ย้ำปฏิบัติตามเงื่อนไขหยุดยิงเคร่งครัด

ศรีสะเกษ 27 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ที่ด่านศุลกากรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ย้ำให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ไม่ขยายขอบเขตความขัดแย้ง ไม่เผยแพร่ข่าวปลอม รวมถึงเห็นชอบให้ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คำแถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ราชอาณาจักรไทย และภูมิภาคทหารที่ 4 ราชอาณาจักรกัมพูชา วันที่ 27 สิงหาคม 2568 จังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ จัดขึ้นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในจังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโท […]

คุมฝากขัง “อดีตพระอลงกต-หมอบี” ค้านประกัน

27 ส.ค. – ตร.คุมตัว “อดีตพระอลงกต-หมอบี” ส่งฝากขังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ควบคุมตัวอดีตพระอลงกต หรือ ทิดจอร์จ และนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ออกจากห้องคุมขัง ที่อาคารศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อไปฝากขังที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เจ้าหน้าที่ได้แยกควบคุมตัวอดีตพระอลงกต หรือ ทิดจอร์จ สวมเสื้อยืดสีน้ำตาลและกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้ม ก่อนนำผ้าเช็ดตัวสีส้มมาห่มคลุมร่างกาย ขึ้นรถยนต์ตำรวจ ทันทีที่ออกมาทางอดีตพระอลงกตได้ยกมือซ้ายขึ้นมา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามแต่ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ก่อนขึ้นนั่งบนรถ โดยมีศิษยานุศิษย์ประคองด้านข้าง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่ารู้สึกกังวลใจหรือมีอะไรอยากจะชี้แจงหรือไม่ พร้อมกับถามถึงความรู้สึกหลังจากที่ลาสิกขาแล้ว แต่อดีตพระอลงกต ได้แต่ยิ้มแย้มและยกมือปฏิเสธ ไม่ตอบคำถามใดๆ จากนั้นผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “ไปศาลใช่หรือไม่” อดีตพระอลงกต ตอบสั้นๆ ว่า “ไปศาล” ส่วนนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ได้แยกควบคุมตัวขึ้นรถกระบะของกองบังคับการปราบปราม โดยหมอบี ยังสวมใส่ชุดเดิม คือเสื้อแขนสั้นสีครีม และกางเกงขายาวสีน้ำตาล เจ้าตัวไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น.-419-สำนักข่าวไทย

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]