ฎีกาจำคุก 2 ปี ‘เชาวรินธร์’ ฉ้อโกง-ชดใช้บริษัทกัมพูชา 11 ล้าน!

กรุงเทพฯ 10 ก.ค.- ศาลฎีกายืนจำคุก 2 ปี “เชาวรินธร์” ฉ้อโกงเงินสั่งซื้อปูนซีเมนต์ จากบริษัทประเทศกัมพูชา เป็นเงินกว่า 11ล้านบาท


ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 โจทก์ และบริษัท บี.พี.ซี เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ลัทธศักดิ์ศิริ อายุ 72 ปี อดีต รมช.ศึกษาธิการ และ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3, 14 (1), 17 (1)

โจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 27 ก.พ.2558  ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2557 บริษัท บี.พี.ซี.เทรดดิ้ง จำกัด (ประเทศกัมพูชา) ได้สั่งซื้อสินค้าจำพวกปูนซิเมนต์ จากบริษัท ทีพีไอโพลีนพับบลิค จำกัด (ประเทศไทย) โดยทำใบสั่งซื้อส่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ในลักษณะจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล ซึ่งบริษัท ทีพีไอโพลีนฯ ได้ออกหลักฐานใบสำคัญเก็บเงินค่าสินค้าแจ้งให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินค่าสินค้าจำนวน 352,781 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทย 11,428,308.40 บาท ผ่านบัญชีเงินฝากธนาคารทหารไทย จำกัด ของบริษัท ทีพีไอโพลีนฯ แต่ระหว่างวันที่ 6 – 9 พ.ค. 2557 จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันเข้าไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลใบสำคัญเก็บสินค้าเสียใหม่ เป็นว่าให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ โอนเงินค่าซื้อปูนซิเมนต์ จำนวน 11,428,308.40 บาท ผ่านเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา ชื่อ Thai and Chinese Bhuddhist Culture หรือสมาคมวัฒนธรรมวิถีพุทธไทย-จีน ที่มีจำเลยเป็นนายกสมาคมฯ โดยทุจริต ซึ่งเป็นการนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จนทำให้บริษัท บี.พี.ซี.ฯ หลงเชื่อว่าเป็นบัญชีของบริษัท ทีพีไอโพลีนฯ ผู้เสียหายที่ 2 แล้วโอนเงินค่าเข้าบัญชีเงินฝากโดยที่บัญชีดังกล่าวเป็นของจำเลยกับพวก ซึ่งต่อมาจำเลยได้โอนเงินเข้าบัญชีของตัวเอง เหตุเกิดขึ้นที่แขวง-เขตดุสิต จำเลยให้การปฏิเสธในการต่อสู้คดี 


โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ก.ย. 2559 ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน ฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาฯ มาตรา 352 วรรคสอง และให้จำเลยคืนเงินค่าชำระสินค้า 11,428,308.40 บาท แก่บริษัทโจทก์ร่วมด้วยต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์สู้คดี

ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษา เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2560 ว่า การที่จำเลยแก้ไขข้อมูลบัญชีธนาคารอันเป็นเท็จ แม้ในทางนำสืบโจทก์และโจทก์ร่วมไม่มีประจักษ์พยานหรือพยานหลักฐานที่บ่งชี้ว่าในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ จำเลยในฐานะนายกสมาคมฯ เจ้าของบัญชีธนาคารดังกล่าว เป็นผู้เข้าไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลหรือข้อความผ่านระบบคอมพิวเตอร์ หรือให้บุคคลอื่นดำเนินการแก้ไขนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลในส่วนของบัญชีธนาคารอันเป็นเท็จ แต่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการกระทำความผิดที่เป็นการนำข้อมูลที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) นั้น ผู้กระทำผิดสามารถกระทำได้ในที่ลับหรือกระทำในที่ใดก็ได้โดยผ่านระบบคอมพิวเตอร์ จึงเป็นการยากแก่การหาประจักษ์พยานมายืนยันการกระทำความผิดได้ จึงต้องวินิจฉัยคดีจากพยานแวดล้อม รวมทั้งพฤติการณ์ต่างๆ แห่งคดีเมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า หลังจากโจทก์ร่วมโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวแล้ว วันรุ่งขี้นจำเลยได้เบิกถอนเงินออกไปจากบัญชีทั้งหมด โดยมีการโอนเงิน 10,742,600 บาท เข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย สาขาสีลม ของบุคคลหนึ่ง โดยอ้างว่าเพื่อชำระหนี้เงินกู้และค่าสั่งซื้อไวน์ 42,600 บาท กับโอนเงินส่วนที่เหลือเข้าบัญชีเงินฝากของจำเลย เป็นเงิน 685,708.40 บาท โดยอ้างว่าเพื่อใช้หนี้ที่จำเลยใช้เงินส่วนตัวสำรองจ่ายในการก่อสร้างรูปเคารพพระแม่โพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม แต่การเบิกถอนและยักย้ายเงินดังกล่าว จำเลยอ้างว่าเป็นเงินบริจาคนั้น เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของจำเลยแทบทั้งสิ้น และเมื่อจำเลยโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวแล้ว จำเลยจึงไปเบิกถอนเงินที่ธนาคารกรุงไทย สาขาศรีย่าน จำนวน 6 แสนบาทถ้วน เนื่องจากไม่สามารถถอนเงินจากธนาคารกรุงไทย สาขารัฐสภา ได้เนื่องจากเป็นวันหยุดราชการ ส่อแสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำโดยเร่งรีบ เพื่อยักย้ายเงินออกไปจากบัญชี ซึ่งผิดปกติวิสัยในการจัดการเงินบริจาค นอกจากนี้ที่จำเลยอ้างว่า สาเหตุที่รีบโอนเงินให้บุคคลอื่นเป็นการชำระหนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเยอะ แม้จำเลยจะมีสำเนาสัญญากู้ยืมเงินมาแสดงต่อศาล แต่ไม่มีพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องมาเบิกความว่ามีหนี้ต่อกันจริง จึงเป็นการง่ายต่อการกล่าวอ้าง และที่จำเลยอ้างว่ามีบริษัท เฮงซกเฮง จำกัด ประเทศกัมพูชาเป็นผู้โอนเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีสมาคมฯ เพื่อบริจาคในการสร้างรูปเคารพเจ้าแม่กวนอิม ก็เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ

ดังนั้นคดีนี้แม้โจทก์และโจทก์ร่วมจะไม่มีประจักษ์พยาน แต่ตามพยานแวดล้อมที่นำสืบกันมาประกอบกับพฤติการณ์แห่งคดีเชื่อมโยงกันมีน้ำหนัก เชื่อว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เพื่อหลอกลวงให้โจทก์ร่วมโอนเงินค่าสินค้าเข้าบัญชีเงินฝากดังกล่าว แล้วจำเลยก็รีบถอนเงินออกไปเพื่อใช้ประโยชน์ส่วนตัว 


การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อหาฉ้อโกง ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้องในข้อหานี้แต่ลงโทษในข้อหายักยอกทรัพย์นั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น เมื่อฟังเป็นเช่นนี้แล้วไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอุทธรณ์จำเลยในส่วนข้อหายักยอกทรัพย์อีก เพราะไม่ได้ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (1) วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักสุด ให้จำคุกจำเลย 3 ปี แต่ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 2 ปี และให้จำเลยคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่ผู้เสียหายด้วยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ต่อมาจำเลยได้ยื่นฎีกาและศาลอนุญาตให้ประกันตัวระหว่างฎีกาสู้คดี

โดยวันนี้ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ เดินทางมาศาลพร้อมภรรยา ลูก ทนายความและบุคคลใกล้ชิด ที่ติดตามมาให้กำลังใจ 

ศาลฎีกาตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่าฎีกาของจำเลยที่อ้างว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น คดีนี้มีการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและประเทศกัมพูชาซึ่งอยู่นอกราชอาณาจักร โดย ป.วิอาญา มาตรา 20 ให้อัยการสูงสุดมีอำนาจมอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีใด หรือให้พนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายเป็นพนักงานสอบสวน ซึ่งคดีนี้อัยการสูงสุดมอบให้พนักงานสอบสวนสน.ดุสิต ดำเนินการสอบสวนร่วมกับอัยการมีผู้กำกับ สน.ดุสิต รับผิดชอบสำนวน เมื่อดำเนินการแล้วส่งให้อัยการยื่นฟ้อง การสอบสวนจึงเป็นไปตามกฎหมายแล้ว โจทก์มีอำนาจฟ้อง

ส่วนกรณีที่จำเลยฎีกาอ้างว่า บจก.บี.พี.ซี.เทรดดิ้ง โจทก์ร่วม ไม่ใช่ผู้เสียหายในคดีเพราะเงินที่โอนเข้าบัญชีนั้น เป็นของบริษัท ซกเฮง ฯ ข้อนี้ก็ได้ความจากบริษัทโจทก์ร่วมว่า บริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทในเครือของโจทก์ร่วม ซึ่งโจทก์ร่วมมอบหมายให้โอนเงินเข้าบัญชีตามที่จำเลยแจ้ง ดังนั้นโจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายตาม ป.วิอาญา (4) และที่จำเลยฎีกาว่าพยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นกรณีฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ซึ่งศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ชัดเจนแล้ว ฎีกาของจำเลยไม่อาจทำให้คำพิพากษาเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่น ศาลฎีกาจึงพิพากษายืนจำคุกจำเลย 2 ปี ตามศาลอุทธรณ์ และให้คืนเงินจำนวน  11,428,308.40 บาท แก่บริษัทโจทก์ร่วมด้วย

ภายหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัว ร.ต.ท.เชาวรินธร์ ไปยังห้องควบคุมตัวผู้ต้องขังชั้นล่างศาลอาญา เพื่อรอรับตัวกลับไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตามคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งคดีถึงที่สุดแล้ว 

ขณะที่ ร.ต.ท.เชาวรินธร์ เปิดเผยสั้นๆ ภายหลังศาลฎีกาพิพากษาว่า ตนมีความเคารพคำพิพากษาของศาล แต่ส่วนตัวยืนยันว่าไม่ได้ฉ้อโกง เพราะตนเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) และรัฐมนตรีหลายสมัยกรณีนี้ ตนเพียงแต่ทำหน้าที่รับโอนเงินเพื่อจะจัดสร้างองค์เจ้าแม่กวนอิม ที่ตนมีตำแหน่งนายกสมาคมฯอยู่เท่านั้นเอง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

เลขาฯ เพื่อไทย ยัน นายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา

กทม. 21 มิ.ย.-เลขาฯ พรรคเพื่อไทย ยืนยันนายกฯ ไม่ลาออก-ยุบสภา หลังงบฯ 69 ผ่านวาระสาม ตามที่มีกระแสข่าว เดินหน้าทำงานแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ภาษีทรัมป์ และนโยบายต่างๆ ขออย่าให้การเมืองมาบดบังเป้าหมายสำคัญ นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลฯ ว่า “จากกระแสข่าวลือที่ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อาจตอบรับข้อเสนอจากพรรคการเมืองบางพรรค ด้วยการลาออกหรือยุบสภาหลังผ่านการลงมติร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 ในวาระที่สามนั้น ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ขอเรียนชี้แจงอย่างชัดเจนว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันกับพวกเราชัดเจนว่า จะเดินหน้าทำหน้าที่แก้ไขวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอย่างเต็มความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งรัฐบาลกำลังดำเนินมาตรการตอบโต้ที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในมิติการทูตและด้านความมั่นคง รวมถึงปัญหาวิกฤตภาษีทรัมป์ ที่รัฐบาลได้เร่งผลักดันการเจรจาอย่างจริงจัง และได้รับการตอบรับอย่างดีจากคู่เจรจา รัฐบาลยังมุ่งมั่นใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี ในการผลักดันนโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม อาทิ -การเดินหน้านโยบายปราบปรามยาเสพติด-การปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งขณะนี้เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น-มาตรการลดค่าครองชีพ ผ่านโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย-การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการพัฒนาโครงการ 30 บาทรักษาทุกที่-การสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ (man-made destination) […]

เปิดด่านรับผู้ป่วยฉุกเฉิน หญิงชาวกัมพูชาติดเชื้อในกระแสเลือด

จันทบุรี 21 มิ.ย. – น้ำใจคนไทย! เปิดด่านรับผู้ป่วยฉุกเฉิน หญิงชาวกัมพูชา วัย 67 ปี ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด ส่งรักษา รพ.จันทบุรี เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ 20 มิ.ย. เวลา 21.00 น. กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีตราด (กปช.จต.) โดยหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินจันทบุรี ชุดเคลื่อนที่เร็วทหารผ่านนาวิกโยธินที่ 4 (ชค.ทพ.นย.4) หมวดอาวุธสนับสนุนที่ 4 จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด ได้รับการประสานจาก นปพท.จันทบุรี ให้อำนวยความสะดวกในการผ่านแดนให้กับนางหยาง ทัช อายุ 67 ปี ผู้ป่วยฉุกเฉินชาวกัมพูชา พร้อมผู้ร่วมเดินทาง รวมจำนวน 4 คน เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิต มีไข้สูง หนาวสั่น และปวดศีรษะรุนแรง เพื่อไปรักษาตัวที่ รพ.กรุงเทพจันทบุรี เนื่องจากทาง รพ.กัมพูชา ไม่สามารถรักษาได้ เพราะเครื่องมือทางการแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ไม่มี จึงขอประสานส่งตัวที่บริเวณสะพานคลองตะเคียน […]

แบ่งงานรองนายกฯ ใหม่ หลัง ภท. ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล

กรุงเทพฯ 21 มิ.ย. – นายกฯ ลงนามคำสั่งแบ่งงานรองนายกฯใหม่ หลัง “ภูมิใจไทย” ถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล “ภูมิธรรม” กำกับดูแล “มหาดไทย” ไร้ชื่อ “พีระพันธุ์” กำกับงานส่วนไหนเพิ่มเติม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมตรี ลงนามในคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 184/2568 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 20 มิ.ย.68 โดยรายละเอียดในคำสั่งมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และสำนักงานราชบัณฑิตยสภา (รวมทั้งราชการของราชบันฑิตยสภา) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐนตรี มอบอำนาจให้กำกับบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัมนตรี มอบหมายและมอบอำนาจให้กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ […]

“ฮุนเซน” เย้ยหากไทยหยุดขายน้ำมันให้ กระทบตัวเอง

กัมพูชา 21 มิ.ย.-“ฮุนเซน” โพสต์เฟซบุ๊กล่าสุด เย้ยหากไทยหยุดขายน้ำมันให้กัมพูชา จะกระทบบริษัทของไทยเอง ความเคลื่อนไหวล่าสุดจาก เฟซบุ๊ก “ฮุนเซน” เวลาประมาณ 22.30 น. ที่ผ่านมา โพสต์ข้อความที่แปลเป็นภาษาไทยว่า เกมแห่งการคุกคามที่อาจนำไปสู่การทำลายตัวเอง วันนี้ พรรคฝ่ายค้านของไทยได้เสนอให้รัฐบาลไทยหยุดขายน้ำมันให้กับกัมพูชา เพื่อกดดันให้กัมพูชายอมจำนน ในการนี้ เราขอยืนยันอย่างชัดเจนว่า กัมพูชาจะไม่ล้มเหลวเพียงเพราะไม่ได้ซื้อน้ำมันจากประเทศไทย ในทางกลับกัน อาจเป็นบริษัท PTT ของไทยเองที่ต้องเผชิญกับผลกระทบ คุณต้องการให้บริษัท PTT ของไทยล่มสลายใช่หรือไม่? ถ้าคุณต้องการเช่นนั้น ก็จงเดินหน้าต่อไปตามแผนของคุณ กัมพูชาพร้อมแล้วที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่คุณใช้คุกคามเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า แรงงาน และตอนนี้น้ำมันก็ถูกใช้เป็นอาวุธอีกหนึ่งอย่างในเกมนี้ ในอดีตคุณเคยดูถูกและเลือกปฏิบัติต่อแรงงานกัมพูชา ใช้พวกเขาเป็นเครื่องมือต่อรอง แต่เมื่อเราประกาศว่าจะรับแรงงานกลับประเทศ คุณก็เปลี่ยนท่าทีทันที กลับมาปลอบโยนและดูแลแรงงานเหล่านั้น ทำไม? เพราะถ้าแรงงานกัมพูชาถอนตัวจากโรงงาน ฟาร์ม บริษัท และไซต์ก่อสร้าง ธุรกิจจำนวนมากในไทยอาจต้องปิดตัวลงเพราะขาดแรงงาน หากคุณกล้าจริง ก็ลองไล่แรงงานกัมพูชาออกให้หมด แล้วมาดูกันว่าจะกระทบเศรษฐกิจไทยแค่ไหน น้ำมันก็เช่นเดียวกัน ลองดูได้เลย แต่อย่าลืมปรึกษาบริษัท PTT ของไทยก่อน เพราะนั่นอาจหมายถึงการทำลายธุรกิจของพวกเขา […]