กรุงเทพฯ16 ส.ค.-วัดพระธรรมกายแถลงปฏิเสธข้อกล่าวหาบุกรุกป่าจ.เลย ยืนยันอยู่นอกเขตป่าสงวน ยันเคารพคำสั่งศาล แต่จะดำเนินการตามกฏหมายกับบุคคลที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จแจ้งต่อศาล
พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผอ.สำนักสื่อสารองค์กร พร้อมนายปรัชญา ก่อนจันทร์ ทนายความวัดพระธรรมกาย ร่วมแถลงข่าว ชี้แจงกรณีที่มีข่าวศาลจังหวัดเลย อนุมัติขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย ในคดีวัดป่าหิมวันต์ บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ
พระสนิทวงศ์ ชี้แจงว่า 1.ขอยืนยันว่า พื้นที่ของสวนป่าหิมวันต์ อ.ภูเรือ จ.เลย ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่726 เล่ม 8ก หน้า 26 เลขที่ดิน 87 หมายเลข 5247 แผ่นที่ 118 ตำแหน่งที่ดิน ตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือจังหวัดเลย มีพื้นที่ 129 ไร่ ตามเอกสารทางราชการดังกล่าวนี้เท่านั้น ปัจจุบันผู้ครอบครอง คือ วัดพระธรรมกาย ไม่ใช่พระเทพญาณมหามุนี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) แต่อย่างใด
จากการสนธิกำลังเข้าตรวจสอบ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2557 ของเจ้าหน้าที่ทหารจาก กองอำนวยการรักษาความมั่นคง(กอ.รมน.) จังหวัดเลย, เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูเรือ, เจ้าหน้าที่ป่าไม้จากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 6 (อุดรธานี),เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอภูเรือและเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลร่องจิก ได้รับการยืนยันตามหนังสือราชการ ที่ ลย.0817/1992 ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2559 จากนายอำเภอภูเรือ ถึง ผู้ว่าฯจังหวัดเลย ในย่อหน้าสุดท้ายของหนังสือดังกล่าว ระบุชัดเจนว่า พื้นที่ทั้งหมดของสวนป่าหิมวันต์ทั้ง 129 ไร่ อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า และป่าภูเรือ ดังนั้นการกล่าวหาว่า สวนป่าหิมวันต์ หรือ วัดพระธรรมกาย หรือพระเทพญาณมหามุนี บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จึงเป็นข้อกล่าวหาที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เป็นการจงใจใส่ร้ายป้ายสีด้วยข้อมูลที่ไม่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง
2.ขอยืนยันว่า พื้นที่ 52 ไร่ นอกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 726 ไม่ใช่พื้นที่ของสวนป่าหิมวันต์ หรือวัดพระธรรมกาย หรือ พระเทพญาณมหามุนี แต่อย่างใด ปัจจุบันเป็นของนายศุภมิตร ชินวงศ์ ซึ่งเป็นชาวบ้านบ้านแก่ง หมู่ 1ตำบลร่องจิก อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย และพื้นที่ดังกล่าวก็อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ โดยได้ถูกจำแนกออกจากเขตป่าไม้ถาวรและเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า ป่าภูเรือ(ป่าหมายเลข 23)ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ.2532 เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2532 ตามที่มีการนำเอาพื้นที่ดังกล่าวมากล่าวหา วัดพระธรรมกาย โดย พระเทพญาณมหามุนี หรือพระเทพญาณมหามุนี ว่าบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าภูเปือย ป่าภูขี้เถ้า ป่าภูเรือ จึงเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ถูกต้อง คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เป็นการกล่าวหาโดยมิชอบ ไม่มีการตรวจสอบข้อมูลให้แน่ชัดตามข้อเท็จจริง แต่กลับมีการรวบรัด เร่งรีบ ในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้งไปยื่นขอออกหมายจับพระเทพญาณมหามุนี ต่อศาลจังหวัดเลย ทั้งที่ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น สวนป่าหิมวันต์ หรือ วัดพระธรรมกาย หรือ พระเทพญาณมหามุนี ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับพื้นที่ 52 ไร่ดังกล่าวเลย
ขณะที่นายปรัชญา ก้อนจันทร์ ทนายความวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า ที่มีการออกหมายจับพระธัมมชโย ขณะนี้ทางวัดและทีมทนายเคารพต่อคำสั่งศาล ส่วนบุคคลใดที่นำข้อมูลอันเป็นเท็จไปแจ้งต่อศาลเกี่ยวกับสวนป่าหิมวันต์ ทีมทนายความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อบุคคลนั้นต่อไป .-สำนักข่าวไทย