กรุงเทพฯ 5 ก.ค.- ตม.จับกุมภัยสังคม 2 แก๊งหลอกซื้อดาวน์รถทางสื่อโซเชียล ก่อนเชิดรถหนีส่งขายตลาดมืดหรือเต็นท์รถมือสอง มูลค่าเสียหายรวมกว่า 40 ล้านบาท
พลตำรวจโทสมพงษ์ ชิงดวง รักษาราขการแทนผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แถลงผลจับกุมแก๊งหลอกซื้อดาวน์รถ 2 แก๊งรวมมูลค่าความเสียหายกว่า 40 ล้านบาท โดยแก๊งแรก คือแก๊งของนางสาวชมพูนุช พงศธรพิพัฒน์ และนางสาวปวริศา ภัทธนันท์ ที่ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหาย 87 คน โดยติดต่อไปขอซื้อดาวน์รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ผู้เสียหายโพสต์ขายไว้ตามเว็บไซต์ต่างๆ โดยจะเลือกเหยื่อตามยี่ห้อรถที่ได้รับออเดอร์มาจากนายทุนในจังหวัดกาญจนบุรี โดยการซื้อขายจะเป็นรูปแบบไม่เปลี่ยนสัญญา เพราะรถติดไฟแนนซ์ ผู้เสียหายยังผ่อนไม่หมด และผู้ต้องหาจะหลอกว่าจะนำไปผ่อนต่อ เมื่อผ่อนครบ 1 ปี จะเปลี่ยนสัญญาให้ แต่เมื่อได้รถไปก็นำไปส่งมอบให้กับนายทุน เพื่อแลกกับค่าจ้าง 3,000-10,000 บาทต่อคัน
โดยนายทุนก็จะนำรถไปขายต่อในเพจรถหลุดจำนำบ้าง หรือชำแหละขายเป็นอะไหล่ส่งไปขายต่อทั้งในและต่างประเทศ โดยมีรถของผู้เสียหายที่ถูกหลอกซื้อไปทั้งสิ้น 87 คัน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท แต่สุดท้ายตำรวจก็ตามไปจับกุมตัวนางสาวชมพูนุช ได้ที่หน้าห้องพักคนงานก่อสร้างแห่งหนึ่งในจังหวัดจันทบุรี ขณะหลบหนีกบดานอยู่กับอดีตสามี ส่วนนางสาวปวริศา ก็ถูกจับกุมได้ที่จังหวัดชุมพรในวันเดียวกัน (3 ก.ค.) ส่วนตัวนายทุนและผู้ร่วมขบวนการรายอื่น ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลจับกุมต่อไป
ส่วนอีกราย คือ นายธนภัทร รัตนลงเมือง ที่มีพฤติการณ์หลอกซื้อดาวน์เช่นเดียวกัน แต่นายธนภัทรจะใช้วิธีหลอกทำสัญญาซื้อดาวน์รถไว้ด้วย และแจ้งกับผู้เสียหายว่าจะปิดยอดค้างชำระกับไฟแนนซ์ให้ โดยสร้างสลิปโอนเงินปลอมขึ้นมาให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ามีการปิดยอดค้างกับไฟแนนซ์ไปแล้ว แต่จริงๆไม่ใช่ หรือบางกรณีก็หลอกว่าจะนำรถผู้เสียหายไปผ่อนต่อ และนำไปผ่อนต่อจริงเพียง 1-2 งวด เพื่อหลอกให้ผู้เสียหายตายใจ กว่าผู้เสียหายจะรู้ตัวก็ตอนที่ผู้ต้องหาหยุดผ่อนค่ารถ และถูกบริษัทไฟแนนซ์ทวงถามมาทางผู้เสียหาย เมื่อติดต่อกลับไปหาผู้ต้องหาอีก ก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว สุดท้ายความมาแตกก็ตอนที่ผู้เสียหายรายหนึ่งไปเจอว่าผู้ต้องหาไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊กว่าท่องเที่ยวอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์อย่างสบายใจ เมื่อวันที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้มีการติดต่อมายังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อสอบถามว่าเหตุใดผู้ต้องหาจึงไม่ถูกจับกุม แต่ยังสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ นำไปสู่การตรวจสอบประวัติ จนพบว่าที่ผ่านมานายธนภัทรเคยถูกออกหมายจับในพื้นที่ สภ.ชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์จริง แต่มีการถอนหมายจับไปแล้ว ทำให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองไม่มีอำนาจจับกุม แต่ก็ขึ้นบัญชีนายธนภัทรเป็นบุคคลที่อยู่ในบัญชีเฝ้าดูของสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพราะนายธนภัทรหลอกซื้อดาวน์รถจากผู้เสียหายไปถึงกว่า 40 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ต่อมาศาลจังหวัดพิมาย จึงออกหมายจับนายธนภัทร จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่จังหวัดชลบุรีได้เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา.-สำนักข่าวไทย