อุตสาหกรรมไทยรับอานิสงส์ประชุมสุดยอดอาเซียน


กรุงเทพฯ 22 มิ.ย.- กรอ.ระบุอุตสาหกรรมไทยรับอานิสงส์ประชุมสุดยอดอาเซียน สร้างเครือข่ายเทคโนโลยี-นวัตกรรม นำประเทศก้าวผ่านกับดักรายได้ปานกลาง พร้อมเดินหน้ากำจัดซากโซลาร์เซลล์


นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ปรับแผนการกำกับดูแล และส่งเสริมการประกอบกิจการโรงงานให้สะดวก รวดเร็ว ประหยัด โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ตามแนวทางหัวข้อปฎิญญาอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมของเซียนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวข้อที่ต้องเร่งขับเคลื่อนในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ระหว่างวันที่ 22-23 มิ.ย. 62 ที่กรุงเทพฯ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน

ทั้งนี้ สาเหตุที่ประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียนต้องการผลักดันหัวข้อปฎิญญาอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมของเซียนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ถือเป็น 1 ใน 13 ประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ต้องขับเคลื่อนให้ได้ภายในปีนี้ เนื่องจากภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมจากอุตสาหกรรม “เพิ่มมูลค่า” ไปสู่อุตสาหกรรม “สร้างมูลค่า” เช่น การต่อยอดอุตสาหกรรม การบริหารจัดการองค์ความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นต้น โดยในส่วนของไทย  มีเป้าหมายให้ประเทศหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง และสามารถแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน 

การขับเคลื่อนของกรมโรงงานฯมี 3 ด้านหลัก คือ 1.เศรษฐกิจ นวัตกรรม เทคโนโลยี 2.การเติบโตอย่างมีส่วนร่วม และ3.การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม   เช่น พัฒนาระบบการขออนุญาตประกอบกิจการโรงงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้บริการผู้ประกอบการสามารถได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงานได้อย่างรวดเร็ว , การพัฒนาระบบการติดตามระบบมลพิษระยะไกล อาทิ เช่น BOD on line , CEMS รวมทั้ง ระบบการรายงานด้านความปลอดภัย เช่น  และ .ยังผลักดันโรงงานอัจฉริยะ หรือสมาร์ทแฟคเตอรี่ โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหมาะสมมาใช้เพิ่มผลิตภาพให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล ส่งเสริมให้มีการปรับปรุงการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนยังได้พัฒนายกระดับขีดความสามารถหม้อน้ำเข้าสู่โหมด SMART Factory  ครอบคลุมด้านความปลอดภัย ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านประสิทธิภาพพลังงาน  


ขณะเดียวกันกรมโรงงานฯ ยังได้ขานรับนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม โดยได้ทำโครงการศึกษาเรื่องการกำจัดซากโซลาร์เซลล์ควบคู่กับการผลักดันผู้ประกอบกิจการโรงงานสร้างโรงงานกำจัดซากโซลาร์เซลล์ โดยคาดการณ์ว่าในปี 2563 จะมีปริมาณซากแผงโซลาร์เซลล์สะสมที่ต้องกำจัดประมาณ 550,000 ตัน หรือประมาณ 18 ล้านแผง โดยผู้ประกอบการหลายรายได้ให้ความสนใจในการตั้งโรงงานรีไซเคิลซากโซลาร์เซลล์ แต่เนื่องจากปัจจุบันยังมีจำนวนของซากแผงยังไม่มากนัก จึงยังติดตามสถานการณ์อยู่ ซึ่งคาดว่าอีก 5 – 10 ปีข้างหน้าเมื่อมีจำนวนซากโซลาร์เซลล์มากขึ้นจะมีโรงงานประเภทนี้เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ตึกถล่มพบเสียชีวิตเพิ่ม

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่าง

พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย ในพื้นที่โซน B และโซน C มีซากอาคารถล่มทับร่างอยู่ ทีมกู้ภัยเร่งกู้ร่างและค้นหาผู้สูญหายใต้ซากอาคารต่อเนื่อง

ชายวัย 50 ไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องเมียท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากตึก สตง.

ชายวัย 50 ปี ยกมือไหว้ขอโทษ ไม่มีเจตนากุเรื่องภรรยาท้อง 4 เดือน ติดใต้ซากอาคาร สตง.ถล่ม ด้านรอง ผบช.น. เตือนอย่าใช้โอกาสที่มีผู้ประสบเหตุสร้างความสงสารหลอกเอาทรัพย์สิน มีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน

ออกแล้ว! ผลตรวจเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่ม พบไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น

ผลตรวจตัวอย่างเหล็ก 28 ชิ้น ตึก สตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว พบได้มาตรฐาน 15 ชิ้น ไม่ได้มาตรฐาน 13 ชิ้น ยังไม่สรุปเป็นสาเหตุตึกถล่ม ชี้ต้องดูหลายองค์ประกอบ

ข่าวแนะนำ

เริ่มใช้เครื่องจักรหนักเปิดซากอาคาร สตง.ถล่ม

102 ชั่วโมงแล้ว สำหรับปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคาร สตง.ถล่ม หน่วยกู้ภัยจากนานาชาติให้ความหวังว่ายังมีโอกาสเจอผู้รอดชีวิต ทำให้การค้นหาวันนี้ต้องแข่งกับเวลาอย่างเต็มที่

ทองไทยนิวไฮต่อเนื่อง ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 550 บาท

ทองคำไทยผันผวนหนัก ปรับเปลี่ยน 18 ครั้ง ก่อนปิดตลาดปรับเพิ่ม 550 บาท ระหว่างวันขึ้นไปแตะนิวไฮ ทองคำแท่งขายออก 50,700 บาท ทองรูปพรรณขายออก 51,500 บาท ขึ้นไปต่อเนื่อง