กรุงเทพฯ 19 มิ.ย.- ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมคัดแยกบุคคลตามภาพวงจรปิด เล็งเอาผิดทุกคน พร้อมสั่งยกเลิกจุดจอดสมาร์ทแท็กซี่หน้า ธ.ไทยพาณิชย์เหตุใช้เป็นที่จอดวินให้บริการ
พลตำรวจโทสุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประชุมชุดทำงานพร้อมติดตามความคืบหน้าคดีวินรถจักรยานยนต์รับจ้างตีกันหน้าตลาดอุดมสุข เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา
ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยหลังประชุมว่า พนักงานสอบสวนจะคัดแยกผู้ก่อเหตุที่ปรากฎภาพในคลิปเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งต้องแยกว่าบุคคลที่สวมเสื้อวินในคลิปเป็นใคร หรือ เป็นผู้ที่นำเสื้อวินบุคคลอื่นมาสวมใส่แทน หรือเป็นชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงมาร่วมก่อเหตุด้วย ซึ่งจะต้องพิจารณาแยกเป็นลักษณะความผิดว่าเข้าข่ายมั่วสุม หรือ ถึงขั้นเป็นอั้งยี่ซ่องโจร โดยเน้นไปที่ผู้ก่อเหตุที่ถืออาวุธ เช่น ไม้กระบอก
สำหรับจำนวนผู้ก่อเหตุนั้นยอมรับว่ามีจำนวนมาก ซึ่งภาพที่ฝ่ายสืบสวนรวบรวมได้บางภาพบางมุมก็ยังไม่ชัดเจน จึงต้องให้วินรถจักรยานยนต์รับจ้างของทั้ง 2 ฝั่งมาให้ปากคำ รวมถึงบุคคลที่อยู่บริเวณใกล้เคียง ซึ่งไม่เกี่ยวกับ 2 วินนี้มาเป็นพยานชี้ว่ารู้จักใครที่อยู่ในภาพหลักฐานบ้าง ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการบุคคลภายนอกมาร่วมก่อเหตุด้วยหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่ามีกี่คนและถูกว่าจ้างมาด้วยหรือไม่
ส่วนการติดตามจับกุมนายวันชัย เข็มมงคล และ นายประมุข วิเชียรดิหลกกุล ฝ่ายสืบสวนกำลังเร่งติดตามตัว เชื่อผู้ต้องหายังอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ส่วนประวัติของบุคคลทั้ง 2 ไม่พบเคยกระทำผิดมาก่อน
สำหรับรถตู้ที่ใช้ลำเลียงอาวุธไปใช้ในการก่อเหตุขณะนี้ตำรวจได้ประสานไปยังกรมการขนส่งทางบกให้ทำการอายัดทะเบียนรถยนต์ไม่ให้ใช้งานและอยู่ระหว่างการติดตามหารถคันดังกล่าวมาประกอบการดำเนินคดีแล้ว
นอกจากนี้คณะกรรมการ 4 ฝ่าย ประกอบด้วย ตำรวจ ทหาร กทม. และ กรมการขนส่งทางบก ให้ยกเลิกวินหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ วินชุมชนรุ่งเรือง (อุดมสุข2) พันตำรวจเอกนคร ทองพานิช ผู้กำกับการ สน.บางนา ชี้แจงว่า เป็นการสั่งยกเลิกจุดจอดรถแท็กซี่ป้ายอัฉริยะ ไม่ใช่การยกเลิกวินรถจักรยานยนต์ ทำให้หลังจากนี้บริเวณนั้นจะไม่สามารถนำรถจักรยานยนต์ หรือ รถแท็กซี่ไปจอดรอหรือรับผู้โดยสารในบริเวณดังกล่าวได้อีก
ขณะที่ช่วงบ่ายที่ผ่านมาตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหา 3 คนประกอบด้วย นายปิยะ พวงเกษร นายมานพ มิ่งมงคล และ นายพันธ์ศักดิ์ พละทรัพย์ ฝากขังศาลจังหวัดพระโขนง ในข้อกล่าวหาฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น ความผิดที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปโดยใช้กำลังประทุษร้าย ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยพนักงานสอบสวนยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นอุกฉกรรจ์ อัตราโทษสูง เกรงว่าผู้ต้องหาจะยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี .-สำนักข่าวไทย