สจล.เสนอ กทม.ทำแก้มลิงใต้ดิน 2 จุดแก้ปัญหาน้ำท่วมพื้นที่วิกฤติ

สจล.13 มิ.ย.- สจล.เสนอ กทม.ทำแก้มลิงใต้ดิน 2จุดแก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่วิกฤติย่านสุขุมวิท-อโศก และวิภาวดี-บางซื่อ


นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลนีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในประเด็น “การรับมืออุทกภัยในกรุงเทพฯ เมืองที่เติบโตอย่างไม่สิ้นสุด” 


นายสุชัชวีร์ กล่าวว่า ปัจจุบันกรุงเทพมหานคร(กทม.)ถือว่าเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำแอ่งกระทะ ซึ่งมีระดับต่ำกว่าน้ำทะเลมากถึง 2 เมตรโดยเฉพาะจุดต่ำคืออยู่ที่บริเวณ รามคำแหง หัวหมาก และพระราม9 จึงทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมขังทุกครั้งที่เกิดฝนตก ปัจจุบันการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังของกรุงเทพฯทำได้อย่างเดียวคือการสูบน้ำ และลำเลียงอออกไปยังแม่น้ำเจ้าพระยาให้ได้ไวที่สุด โดยการใช้เครื่องสูบน้ำ หากเครื่องสูบน้ำจุดใดจุดหนึ่งมีปัญหาจึงส่งผลให้ระบบการระบายน้ำทั่วพื้นที่กรุงเทพฯทันที ทำให้เกิดภาวะน้ำขังรอการระบาย 

ส่วนการสร้างอุโมงค์ยักษ์ถือว่าเป็นแนวทางที่ดี แต่ยังมีข้อจำกัดคือการที่จะส่งน้ำลงอุโมงค์ยักษ์ได้จะต้องผ่านการลำเลียงน้ำด้วยเครื่องสูบน้ำเพราะน้ำไม่สามารถไหลตามแรงโน้มถ้วงของโลกได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้อุโมงค์ยักษ์ไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพเกิดจากน้ำบนพื้นดินไม่สามารถไหลเข้าอุโมงค์ได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเกิดปัญหาต่างๆ อาทิ เครื่องสูบพัง พื้นที่กายภาพไม่เอื้ออำนวยให้น้ำไหลได้อย่างสะดวก ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ที่ดูแล พูดง่ายๆว่า เป็นหลักการที่ดี แต่ในทางปฏิบัติยังไม่สามารถใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ

ดังนั้นการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ขอนำเสนอ ให้กทม.ควรจะเปลี่ยนระบบควบคุมเครื่องสูบน้ำหรือตัวเปิดปิดประตูกั้นระดับน้ำทะเลเป็นระบบอัตโนมัติทั้งหมดเพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจสอบระดับน้ำและคาดการณ์ปริมาณฝนที่จะตกลงมาในแต่ละพื้นที่ได้อย่างแม่นยำแล้ว ซึ่งวิธีการดังกล่าวจะทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้เครื่องสูบน้ำและการควบคุมเปิดปิดประตูได้อย่างทันเวลา 


ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กทม.ในระยะยาวจะต้องมีการทำแก้มลิงใต้ดินเพื่อกักเก็บน้ำและรอสูบออกในช่วงที่ฝนหยุด ระดับน้ำในคลองต่างๆลด หรืออาจเก็บไว้สูบออกช่วงฝนแล้งก็ได้  จากการศึกษาพบว่าพื้นที่ที่เป็นจุดวิกฤติอยู่ในย่านสุขุมวิท เพลินจิต จะต้องพิจารณาก่อสร้างพื้นที่แก้มลิง  จุดที่ตนเองมองว่าเหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนในวงกว้าง คือ ใต้บริเวณโรงงานยาสูบ ส่วนย่านพื้นที่วิภาวดีฯ บางซื่อ พหลโยธิน และรัชดาภิเษกตอนปลายจะต้องสร้างแก้มลิงบริเวณใต้สวนสาธารณะจตุจักร 

สำหรับขนาดของแก้มลิงนั้นอาจจะก่อสร้างให้สามารถรองรับน้ำได้ประมาณ 100,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.)ความลึกประมาณ 15-20เมตร ก็คาดว่าจะเพียงพอต่อการรองรับน้ำ และใช้เงินลงทุนไม่มาก

ขณะที่การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภายในซอยก็สามารถสร้างแก้มลิงใต้ดินขนาดเล็กได้เช่นกัน ความจุของแก้มลิงอาจจะอยู่ที่ประมาณ 500-600 ลบ.ม. ความลึกประมาณ4-5 เมตร ซึ่งถือว่าเพียงพอต่อการรองรับน้ำ อย่างไรก็ตามสจล.เห็นว่าการสร้างพื้นที่แก้มลิงใต้ดินนั้นจะเป็นการลำเลียงน้ำลงสู่แก้มลิงด้วยแรงโน้มถ่วงของโลกไม่จำเป็นจะต้องใช้เครื่องสูบน้ำในปริมาณมากเหมือนกับที่กทม.กำลังดำเนินการอยู่   ทั้งนี้หลักการสร้างแก้มลิงใต้ดินเพื่อกักเก็บน้ำนั้นเป็นแนวคิดที่ประเทศญี่ปุ่นได้นำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเนื่องจากกายภาพของประเทศญี่ปุ่นต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 3 เมตรโดยเมื่อดำเนินการแล้วพบว่าสามารถแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้เป็นอย่างดี ดังนั้นสจล.เห็นว่าหากสามารถใช้หลักการเดียวกันได้จะทำให้กรุงเทพฯพ้นสภาวะปัญหาน้ำท่วมขังได้อย่างถาวร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย