กทม. 10 มิ.ย.-ช้างศึกหมดสภาพหลังแพ้ทั้งเวียดนามและอินเดีย ส่วนอนาคต “โค้ชโต่ย” อยู่ที่สมาคมฟุตบอลฯ จะตัดสิน
ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน “คิงส์คัพ” ครั้งที่ 47 ที่ช้างอารีนา จ.บุรีรัมย์ จบลงด้วยผลงานที่น่าผิดหวัง หลังไทยแพ้เวียดนามในนัดแรก 0-1 นัดที่ 2 แพ้อินเดีย 0-1 ทำให้รายการนี้ไทยจบอันดับบ๊วย แฟนบอลถล่มผ่านโซเชียลอย่างหนัก ส่วนอนาคตของ “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ก็ต้องอยู่ที่สมาคมฟุตบอลว่าจะเอาอย่างไรต่อไป
ย้อนไปดูผลงานของทีมชาติไทยในศึกฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 47 ที่สนามช้าง อารีน่า จ.บุรีรัมย์ ในรอบแรก ทีมชาติไทย แพ้ ทีมชาติเวียดนาม 0-1 โดยเวียดนาม ได้ประตูจากลูกโหม่งของเหงียน อันห์ ดึ๊ก ในช่วงท้ายเกม ส่วนรอบชิงอันดับ 3 ไทยต้องไปดวลกับอินเดีย ที่แพ้ กือราเซา 1-4 ปรากฏว่า ไทย แพ้ไปอีก 0-1 จากการยิงของ อนิรุธห์ ธาปา ในนาทีที่ 16 ทำให้ไทยจบอันดับสุดท้าย
หลังเกม “โค้ชโต่ย” ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย เฮดโค้ชทีมชาติไทย ออกมาขอโทษแฟนบอลไทยทุกคน ที่ไม่สามารถเดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ ระบุต้องขอบคุณน้องๆ ที่สู้อย่างเต็มที่ จากนี้ก็ต้องกลับมาทบทวนแนวทางการเล่นอีกครั้ง เรามีโอกาสเยอะมาก แต่ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้ จังหวะเสียประตูก็เสียง่ายเกินไป เพราะนักเตะเสียสมาธิ ผลการแข่งขันนัดนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก การจบสกอร์เป็นปัญหาใหญ่ของเรา ถือว่าเป็นการบ้านใหญ่ที่ต้องไปประชุมเพื่อแก้ไข เรื่องอนาคตตอนนี้ตนยังคงตอบไม่ได้ เพราะก็ยังมีงานต้องทำอยู่ หน้าที่ตอนนี้ก็คือการกลับไปทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อปรับปรุงแก้ไขทีม
กิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงษ์ ผู้อำนวยการทีมชาติไทย กล่าวว่าการแพ้ เวียดนาม กับ อินเดีย ทำให้มองเห็นหลายอย่างที่จะนำไปปรับปรุง ก่อนเข้าร่วมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง โดยเฉพาะเรื่องของการจัดตัวผู้เล่นให้สอดคล้องกับคู่แข่งในแต่ละทัวร์นาเมนต์เป็นหัวใจหลัก ส่วนแทคติกก็เป็นอีกองค์ประกอบ ในเรื่องอนาคตของกุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ ตนให้ความเห็นไม่ได้ เพียงแต่โค้ชทั้ง 2 คน ทำผลงานดีในเอเชียน คัพ 2019 การตัดสินใจว่า จะเปลี่ยนหรือไม่ ทุกอย่างจะต้องขึ้นอยู่กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ
หลังเกมแฟนบอล ระบายอารมณ์ผ่านโซเชียล ด้วยข้อความที่ดุเดือด หลังจากทีมทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ แพ้คู่ปรับตลอดกาลอย่างเวียดนามและแพ้ต่ออินเดีย บางคนบอกว่า อยากเปลี่ยนหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย หรือบางคนอยากให้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีตกุนซือทีมชาติไทย กลับมาทำทีมอีกครั้ง
ส่วนเกมที่ไทย พบกับ อินเดีย ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้ากัปตันทีมชาติไทย ลงสนามในนามทีมชาติไทย ครบ 100 นัด ถือเป็นนักเตะคนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ ต่อจาก ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ธชตวัน ศรีปาน และดัสกร ทองเหลา โดยกองหน้าวัย 31 ปี เผยว่าเส้นทางทีมชาติ หลังจากนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง มันก็เป็นไปได้ทั้งหมดว่า ตนอาจไม่อยู่ในแผน หรือไม่ได้เป็นคนที่ถูกเลือก ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะเป็นธรรมดาของฟุตบอล แต่ส่วนตัวถ้ายังมีโอกาสอยู่ ตนก็พร้อมที่จะทำให้มันให้ดีที่สุดเหมือนเดิม และเพราะในฐานะนักฟุตบอล เชื่อว่าทุกคนอยากมีส่วนร่วมกับทีมชาติไทย ไม่ว่าจะได้ลงเล่นหรือไม่ได้ลงเล่น
นายกรวีย์ ปริศนานันทกุล เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลไทย กล่าวว่า ภายในสัปดาห์นี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ จะเรียก โค้ชโต่ย เฮดโค้ชชุดใหญ่ และ กาม่า เฮดโค้ช ยู 23 ที่นำทีมแพ้ สิงคโปร์ ได้เพียงรองแชมป์ อเมร์ไลออน คัพ เข้ามาชี้แจงผลงานของทีมช้างศึกทั้ง 2 ชุด เพื่อเร่งปรับปรุง หลังผลงานย่ำแย่ จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง หลังจากนี้นักเตะทีมชาติไทย จะลงแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย โดยจะมีการจับสลากแบ่งสายในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ และแข่งขันในเดือนกันยายน หากผลงานดีก็จะเรียกเสียงศรัทธาจากแฟนบอลให้กลับมาได้อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย