กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – ซีพี ออลล์ เปิดตัวโครงการเชิดชูชาวนาไทย เนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ 5 มิถุนายน 2562
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2489 ล้นเกล้ารัชกาลที่ 8 และล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปหว่านข้าว ณ แปลงนาสาธิต ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ต่อมาจึงถือเอาวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปีเป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ
นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย กล่าวว่า ซีพี ออลล์ ได้ดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์สู่ความยั่งยืนมาตั้งแต่ปี 2560 ภายใต้กรอบการทำงาน 3 เสาหลัก คือ มุ่งมั่นทำธุรกิจด้วยใจที่เป็นธรรม โปร่งใสตรวจสอบได้ มุ่งมั่นสร้างสังคมที่ยั่งยืน มีคุณภาพชีวิตที่ดี และมุ่งมั่นเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน โดยเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้จัดงาน “วันแห่งโอกาสดีที่ซีพี ออลล์” เพื่อมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนนักศึกษาของปัญญาภิวัฒน์และเครือข่ายไปแล้วกว่า 47,000 ทุน เป็นเงินรวมกว่า 4,000 ล้านบาท
ล่าสุดได้จัดโครงการสนับสนุนและส่งเสริมความรู้ให้กับชาวนา ภายใต้โครงการ “ซีพี ออลล์ เชิดชูชาวนาผู้ปลูกข้าว ผู้ปลูกความเป็นไทย” เนื่องใน “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” ซึ่งตรงกับวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี โดยโครงการนี้ทางซีพี ออลล์ ได้ร่วมมือกับ 2 องค์กร คือ โรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ ไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย และสมาคมไทบ้าน จ.มหาสารคาม ร่วมกันพัฒนาทักษะและองค์ความรู้เพื่อส่งเสริมให้ชาวนาเชื่อมั่นมีทัศคติที่ดีในการสร้างผลผลิตที่มีคุณภาพ
นายณรงค์ กุลจันทร์ ผู้แทนชาวนาจาก จ.มหาสารคาม กล่าวว่า อาชีพชาวนาไม่ใช่อาชีพที่ต่ำต้อย เพราะสามารถปลูกข้าวให้คนทั้งโลกรับประทานได้ และชาวนาต้องมีคุณธรรม ชาวนาต้องปลูกข้าวอินทรีย์และขายข้าวอินทรีย์ ไม่ใช่ปลูกข้าวอินทรีย์ไว้กินเอง แต่กลับขายข้าวเคมีให้กับผู้อื่น แบบนี้ต้องไม่ทำ นอกจากนี้ ชาวนาจะต้องมีความเชื่อมั่น มีศรัทธาในบรรพบุรุษ เราจะอยู่ได้อย่างมีความสุข
ในโอกาสนี้ซีพี ออลล์ ยังได้เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา “ชาวนา” ผ่านโซเชี่ยลมีเดีย บอกเล่าถึงเรื่องราวของ “ข้าว” โดยสามารถเข้าไปชมภาพยนต์โฆษณานี้ได้ทาง https://www.facebook.com/cpall7 และทุก ๆ 1 แชร์ จะมีค่าเท่ากับ 1 บาท นำไปมอบให้กับโรงเรียนชาวนาพุทธเศรษฐศาสตร์ ไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย เพื่อสนับสนุนกิจกรรมแหล่งเรียนรู้สำหรับชาวนาในการทำเกษตรแบบบริสุทธิ์ ปลอดเคมี และเน้นการใช้เกษตรทฤษฎีใหม่เพื่อสังคมและชุมชนต่อไป.-สำนักข่าวไทย