ปชป.ย้ำ 2 เงื่อนไขร่วมรัฐบาล

พรรคประชาธิปัตย์ 31พ.ค.-“จุรินทร์” ย้ำ 2 เงื่อนไข ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ต้องแก้รัฐธรรมนูญ  กำหนดนโยบายประกันรายได้เกษตรกร เป็นนโยบายรัฐบาล รอ พปชร. เคลียร์ปัญหาภายในให้จบ ปัดตอบ ลงมติแยกระหว่างโหวตนายกฯ กับร่วมรัฐบาล 


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์กรณีที่ยังไม่มีความชัดเจน ประชาธิปัตย์จะร่วมรัฐบาลว่า ต้องเริ่มต้นที่พรรคพลังประชารัฐก่อน ซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นขั้วหนึ่งที่กำลังทำหน้าที่เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ได้นับหนึ่งที่ประชาธิปัตย์ ซึ่งความคืบหน้าล่าสุด ทราบตรงกันว่าพรรคพลังประชารัฐมาเชิญประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล แต่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ต้องเลื่อนการประชุมออกไป เป็นเพราะพรรคพลังประชารัฐต้องใช้เวลาในการทำให้พรรคเป็นหนึ่งเดียวเสียก่อน จึงต้องให้เวลา แต่สำหรับการทำหน้าที่ของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็มีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอยู่แล้ว โดยจะต้องนัดประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ก็ต้องถามท่านว่าจะนัดประชุมเมื่อไหร่ ถือเป็นไปตามขั้นตอนและกระบวนการ 

เมื่อถามว่าการที่นายชวนเป็นประธานสภาแล้วจะผูกมัดว่าประชาธิปัตย์ต้องเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า การที่พรรคไหนจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็คงขึ้นอยู่กับแต่ละพรรคการเมือง ที่จะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งในส่วนของประชาธิปัตย์ยังไม่ได้มีการประชุมกันว่าจะเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะคงต้องนับหนึ่งที่พรรคพลังประชารัฐก่อนว่ามีความเห็นอย่างไร แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความคืบหน้าใด ๆ จากพรรคพลังประชารัฐ


เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐออกมาระบุว่าจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีก่อนค่อยมาจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี และนโยบาย นายจุรินทร์ กล่าวว่า ก็สุดแล้วแต่พลังประชารัฐ เพราะต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ประชาธิปัตย์เป็นพรรคขนาดกลางมีแค่ 53 เสียง ก็ต้องเข้าใจสถานภาพของตัวเองว่าอยู่ในฐานะไหน และเรื่องนี้ยังไม่เคยคุยกันว่าจะต้องโหวตนายกฯ ก่อนค่อยจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะข้อเท็จจริงคือ พลังประชารัฐมาเชิญประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาล ซึ่งเดิมคิดว่าทุกอย่างจะยุติตามที่ได้พูดคุยกันแล้ว แต่เกิดปัญหาความไม่ลงตัว

“ก็ต้องขอพูดตรง ๆ ว่าเป็นปัญหาในส่วนของพลังประชารัฐ จึงเป็นที่มาที่พรรคประชาธิปัตย์จำเป็นต้องเลื่อนการประชุมออกไป ตอนนี้ก็ต้องให้เวลาพลังประชารัฐในการคลี่คลายสถานการณ์ต่าง ๆ และตัดสินใจ ส่วนจะตัดสินใจอย่างไร พรรคประชาธิปัตย์เราเคารพการตัดสินใจของเขา ทั้งนี้พรรคไม่ได้กำหนดว่าพลังประชารัฐจะต้องให้คำตอบกับประชาธิปัตย์เมื่อไหร่” นายจุรินทร์ กล่าว

เมื่อถามว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีงวดเข้ามาแล้ว การตั้งรัฐบาลควรเสร็จก่อนเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำ จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะตัดสินใจอย่างไร ตนตอบแทนไม่ได้ แต่ในส่วนของพรรค หากไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองอื่น ก็มีมติของตัวเองได้อยู่แล้ว แต่ในส่วนที่เกี่ยวกับพรรคอื่น โดยเฉพาะพลังประชารัฐก็ต้องรอว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร ส่วนพรรคจะมีมติแยกระหว่างการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี กับการร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างไร ประชาธิปัตย์อยู่ในสถานะไหน เพราะขณะนี้ยังอยู่ในสถานะของความเป็นประชาธิปัตย์ เรายังไม่ได้พิจารณาตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่อย่างไร ถ้าถึงวันนั้นพรรคก็ต้องมีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจในสภาผู้แทนราษฎร พรรคก็ต้องมีการประชุมร่วมกันโดยเฉพาะการตัดสินใจว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน


ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าข้อเสนอของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รับการตอบรับการร่วมรัฐบาลอาจไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตอบล่วงหน้าไม่ได้ แต่ได้พูดคุยเบื้องต้นในเรื่องเงื่อนไขการแก้รัฐธรรมนูญ เพราะประชาธิปัตย์มองว่าเป็นเรื่องสำคัญหากจะตัดสินใจร่วมงานกับพลังประชารัฐ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องพาประเทศเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นได้ ถ้าไม่พูดเรื่องนี้ ไม่หยิบประเด็นนี้ขึ้นมาโอกาสที่ประเทศจะเดินหน้าไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยยิ่งขึ้นมันริบหรี่ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้กำหนดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ทำยากมาก ไม่ใช่แค่ใช้เสียงข้างมากในรัฐสภาเท่านั้น แต่กำหนดเงื่อนไขว่าให้ใช้เสียงข้างมากเกินกว่ากึ่งหนึ่งของรัฐสภาคือสองสภารวมกันแล้ว ต้องมีฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 และยังต้องได้เสียงสว.หนึ่งในสามด้วย 

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ดังนั้นจึงเกือบจะปิดประตูในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีทางเดียวที่จะเปลี่ยนแปลงคือ แก้รัฐธรรมนูญด้วยวิธีไม่ปกติ ซึ่งเราไม่ประสงค์ให้เกิดขึ้น จึงเป็นที่มาว่าทำไมพรรคต้องยื่นเงื่อนไขเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ว่าถ้าร่วมรัฐบาล รัฐบาลต้องเสนอการแก้ไขรัฐธรรมนูญในนามรัฐบาลหรือกำหนดเป็นนโยบาย เพราะจะมีโอกาสเป็นไปได้มากกว่า นอกจากนั้นก็มีการเสนอเรื่องนโยบายที่ประชาธิปัตย์หาเสียงไว้กับประชาชนว่าถ้าจะฟื้นเศรษฐกิจต้องนับหนึ่งจากเศรษฐกิจฐานราก คือนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของพรรค ต้องได้รับการพิจารณาบรรจุเป็นนโยบายของรัฐบาล ทั้งหมดจะต้องอยู่ที่พรรคแกนนำว่าจะตอบรับข้อเสนอนี้หรือไม่ ซึ่งเงื่อนไขทั้งสองข้อมีความสำคัญต่อการตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ จึงต้องรอคำตอบจากพลังประชารัฐก่อนว่าจะรับข้อเสนอของพรรคหรือไม่.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พระขโมยรถยนต์โยมวันเข้าพรรษา

กาฬสินธุ์ 12 ก.ค.-วงการผ้าเหลืองไม่แผ่ว พระหนุ่มขโมยรถยนต์ญาติโยมที่มาทำบุญวันเข้าพรรษา ถูกตำรวจสกัดจับได้ทันควัน ตำรวจ สภ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ สกัดจับรถเก๋งสีดำคันบริเวณสี่แยกไฟแดง อ.สมเด็จ หลังรับแจ้งว่าพระสงฆ์หนุ่มแอบขโมยรถจากญาติโยมที่มาทำบุญในวันเข้าพรรษา แล้วขับหนีมาทาง อำเภอสมเด็จ ตำรวจจึงออกสกัดจับจนเจอ ส่วนพระสงฆ์ที่ก่อเหตุมีอาการพูดจาวกไปวนมา ตำรวจจึงนำตัวมาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก และแจ้งให้เจ้าของรถมารับรถคืน เตรียมดำเนินคดีกับพระรูปนี้ต่อไป หลังสึกจากการเป็นพระ.-สำนักข่าวไทย

น้ำป่าทะลักท่วมแพร่ บ้านเรือนเสียหายหนัก

แพร่ 12 ก.ค.-ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ จ.แพร่ น้ำป่าทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรช่วงกลางดึก เสียหาย 2 อำเภอ เกิดเหตุน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนในตำบลแดนชุมพล จังหวัดแพร่ และอำเภอร้องกวางบางส่วน เนื่องจากมีฝนตกลงมาอย่างหนักในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้บ้านเรือนของประชาชนได้รับความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ลุ่มและแนวทางน้ำธรรมชาติที่รับน้ำจากภูเขาและป่าใกล้เคียง ปริมาณน้ำที่หลากเข้ามาเกิดจากฝนตกหนักต่อเนื่องตลอดช่วงคืนที่ผ่านมา ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ทรัพย์สินของประชาชนบางส่วนได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะบ้านโทกค่า อำเภอสอง จังหวัดแพร่ หลายหลังคาเรือนได้รับผลกระทบเนื่องจาก ไม่เคยเกิดเหตุแบบนี้มาก่อน ปีนี้น้ำมากกว่าทุกปี ทำให้เก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย ครั้งสุดท้ายที่เคยท่วม ตั้งแต่ปี 2538 .-สำนักข่าวไทย

สองสาวใหญ่ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกมือถือ

กทม. 12 ก.ค. – สองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิพระอาพาธ ฉกโทรศัพท์มือถือลอยนวล พบเคยเข้ามาขอเงินหลวงตาแล้วครั้งหนึ่ง กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะ ผู้หญิง 2 คนเข้าไปในกุฏิที่พระสงฆ์นอนอาพาธอยู่ คนหนึ่งนั่งพื้นส่วนอีกคนยืนอยู่แล้วเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือบนเตียงนอนไป เหตุการณ์นี้ นายมนูญ อายุ 29 ปี หลานชายของพระลูกวัดแห่งหนึ่ง ในซอยประชาอุทิศ 27 ถนนประชาอุทิศ แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ร้องเรียนกับผู้สื่อข่าว ให้ช่วยตามหาสองสาวใหญ่ ย่องเข้ากุฏิ “หลวงตาสุข” อายุ 80 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคประจำตัว ประกอบกับอายุมากเดินได้ไม่ปกติ โดยหลวงตาสุข เป็นพระลูกวัด พักอยู่กุฏิด้านหลังโบสถ์ เมื่อวานนี้ (11 ก.ค.) ประมาณ 13.45 น. ขณะกำลังนอนพักผ่อนอยู่ มีหญิงร่างท้วม 2 คนเข้าไปในกุฏิ จากนั้นคนใส่เอี๊ยมสีเขียวผมสั้นลงมือค้นหาสิ่งของบนหัวเตียง ส่วนอีกคนที่มาด้วย คอยดูต้นทาง จนกระทั่งหญิงคนที่รื้อหาสิ่งของมองเห็นโทรศัพท์มือถือ ราคาประมาณ 4,000 บาท ของพระที่วางไว้หัวเตียง […]

มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ปมมีชื่อพระโผล่คลิปสีกา ก.

กรุงเทพฯ 11 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ เผยกรณีปรากฏชื่อ “พระปริยัติธาดา” ในคลิปพัวพันสีกา ก. มองเป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร จากกรณีปรากฏรายชื่อพระในคลิปมีความสัมพันธ์กับ “สีกา ก.” จนถึงขั้นปาราชิก หนึ่งในนั้นคือ พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และมีรายงานข่าวว่าท่านหายตัวจากวัดหลังจากตกเป็นข่าว ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังวัดกัลยาณมิตรฯ พบว่าพระของวัดทุกรูปลงโบสถ์เพื่อประกอบศาสนกิจเนื่องในวันเข้าพรรษา ภายในพระอุโบสถ ภายหลังประกอบศาสนกิจลงโบสถ์ของพระวัดกัลยาณมิตรฯ เสร็จสิ้น พระพรหมกวี เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรฯ ได้ถ่ายรูปกับพระใหม่และพระสงฆ์ในวัด และให้ผู้สื่อข่าวเข้าไปถ่ายภาพ พร้อมกับพูดคุยเบื้องต้น กรณีปรากฏชื่อของพระปริยัติธาดา เป็นหนึ่งในบุคคลในคลิปที่เกี่ยวข้องกับสีกา ก. ว่าส่วนตัวไม่ทราบ คนเราไม่ได้รู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่น มองเป็นเรื่องธรรมชาติในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดี เรื่องนี้เป็นการกระทำส่วนบุคคล ส่วนตัวอยากเห็นคลิปเพื่อยืนยันว่าท่านเกี่ยวข้องอย่างไร และอยากถาม พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว เพื่อขอดูคลิปที่กล่าวอ้าง ถ้าภาพมันชัดเจนก็ต้องออกตามกฎ ซึ่งใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น เมื่อถามว่า พระปริยัติธาดา ออกไปจากวัดตั้งแต่เมื่อไร พระพรหมกวี บอกว่า ท่านออกไปจากวัด 6-7 วันแล้ว ก็ออกไปเฉยๆ ไม่ได้สึกออกไป และไม่รู้ว่าตอนนี้สึกหรือยัง แต่หากจะสึกต้องแจ้งมาที่วัด […]

ข่าวแนะนำ

ตาวัย 71 ปี ขับรถพุ่งชนรถพ่วงเสียชีวิต

สมุทรสงคราม 13 ก.ค.-ตาวัย 71 ปี ขับเก๋งพุ่งชนกลางลำรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มขณะกำลังกลับรถ เสียชีวิตบนถนนสมุทรสงครามบางแพ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะรถพ่วงบรรทุกเสาเข็มกำลังกลับรถทำให้ตัวรถขวางถนน จังหวะนั้นรถเก๋ง ขับมาด้วยความเร็ว พุ่งชนเข้ากลางลำรถพ่วง เหตุเกิดบนถนนสมุทรสงครามบางแพ บริเวณจุดกลับรถหน้าโรงบรรจุแก๊สหุงต้ม ฝั่งขาเข้าแม่กลอง ม.9 ต.บางช้าง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ช่วงเวลา 19.18 น.วานนี้ (12 ก.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัมพวา รับแจ้ง จึงเข้าตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เกิดเหตุพบนายชาญพินิต ส่งชัย อายุ 71 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร คาดเข็มขัดนิรภัย นั่งหมดสติไม่รู้สึกตัวบนเบาะคนขับ เจ้าหน้าที่ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างประมาณ 5 นาที กว่าจะนำร่างนายชาญพินิต ออกมาและพยายามปั๊มหัวใจช่วยชีวิต แต่นายชาญพินิต เสียชีวิตแล้ว ใกล้กันพบรถพ่วง 22 ล้อ ลูกพ่วงไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดขวางถนนในลักษณะกำลังกลับรถ บริเวณล้อหลังรถพ่วงมี 3 เพลา รวม 12 ล้อ […]

เตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง

13 ก.ค. – ตำรวจเตรียมขอข้อมูลเส้นทางการเงิน 4 วัดดัง เข้าข่ายยักยอกเงินวัด โอนให้สีกา ก. หรือไม่ พบเจ้าอาวาสหนึ่งใน 4 วัด โอนกว่า 1 ล้านบาท ความคืบหน้าการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกา ก. จากข้อมูลการสืบสวน ตำรวจเตรียมขอความร่วมมือเข้าตรวจสอบวัดที่พบว่ามีความเกี่ยวข้อง 4 วัด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด ได้แก่ วัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา, วัดใหญ่จอมปราสาท จ.สมุทรสาคร, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของพระชั้นผู้ใหญ่และบัญชีวัด เพื่อหาข้อเท็จจริงว่าเงินที่โอนให้สีกา ก. เป็นเงินส่วนตัวหรือเงินวัด หลังพบว่าพระบางรูปที่มีความสัมพันธ์กับสีกา ก. รวบอำนาจการบริหารจัดการเงินของวัดเพื่อให้ทำธุรกรรมได้สะดวก โดยเฉพาะเจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท พบเส้นทางการเงินโอนให้สีกา ก. 2 บัญชี เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ส่วนพระรูปอื่นๆ ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องยังอยู่ระหว่างตรวจสอบ ส่วนสีกา ก. จะมีเจตนาในการข่มขู่รีดไถเงินจากพระหรือไม่ ทางการสอบสวนยังไม่พบหลักฐานชัดเจนเพราะเป็นรสนิยมส่วนตัว โดยพุ่งเป้าเข้าหาพระชั้นผู้ใหญ่ เพื่อมีความสัมพันธ์และนำเงินมาใช้ส่วนตัว […]

รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้

ทำเนียบ 13 ก.ค.-รัฐผ่อนปรนรถบัสสองชั้น 6 เส้นทางเสี่ยง เริ่ม 21 ก.ค.นี้ พร้อมคุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยทุกขั้นตอน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลโดยกรมขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ได้มีการผ่อนปรนให้รถโดยสารสองชั้นสามารถวิ่งใน 6 เส้นทางได้เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 180 วัน โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ดังนี้ 1.ทางหลวงหมายเลข 4 ช่วงเขาพับผ้า-พัทลุง 2.ทางหลวงหมายเลข 103 ช่วงแม่ยางฮ่อ-แม่ตีบ 3.ทางหลวงหมายเลข 118 ช่วงเชียงใหม่-ดอยนางแก้ว 4.ทางหลวงหมายเลข 2013 ช่วงบ่อโพธิ์-โคกงาม 5.ทางหลวงหมายเลข 2331 ช่วงโจ๊ะโหวะ-อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า และ 6.ทางหลวงหมายเลข 1256 ช่วงปัว- อุทยานแห่งชาติดอยภูคา โดยผู้ประกอบการที่ประสงค์จะเดินรถโดยสารสองชั้น ในเส้นทางผ่อนปรนดังกล่าว จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอย่างเคร่งครัด ดังนี้ 1.นำรถเข้ารับการตรวจสภาพ (Recall) ณ […]

เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

กทม. 13 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะภาคเหนือ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 6 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทยและคลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 12-13 กรกฎาคม 2568) ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2568 ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะภาคเหนือบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน หนองคาย และบึงกาฬ เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือตอนบน ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้ ในวันที่ 13 กรกฎาคม […]