อาลัย พล.อ.เปรม ผู้วางรากฐานเศรษฐกิจไทย

กทม. 27 พ.ค.- เอกชนหลายหน่วยงานอาลัย “พล.อ.เปรม” จากคำขวัญ โชติช่วงชัชวาลพัฒนา อิสเทิร์นซีบอร์ดแข็งแกร่ง คาดหวังรัฐบาลใหม่สานต่ออีอีซี   


วันนี้มีการประชุมหลายหน่วยงานของภาครัฐที่เตรียมพร้อม ส่งมอบไม้ต่อแก่รัฐบาลชุดใหม่ เพื่อให้เดินหน้า ไม่สะดุด ไม่ว่าจะเป็นคณะกรรมการ นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน และทั้ง 2 เรื่องนี้ ล้วนถูกวางรากฐานต่อเนื่องมาจากรัฐบาล ของท่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ทั้งสิ้น โดยท่านดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2523 – 4 สิงหาคม 2531 คนในวงการพลังงาน แวดวงเศรษฐกิจต่างกล่าวขานถึงท่าน และเอกชน หลายหน่วยงาน ต่างแสดงความอาลัย และเพื่อผลักดันนโยบายให้เดินหน้า ท่านพล.อ.เปรม ซึ่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็ได้เป็นประธานคณะกรรมการการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ปตท. ในช่วงปี 2524-2526 และท่านก็เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทบางจากอีกด้วย


นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พล.อ.เปรม มีคุณอเนกอนันต์ต่อการพัฒนาความมั่นคง และเศราฐกิจของประเทศ และอมตะ ซึ่งขณะนี้มี นิคมฯ 3 พื้นที่ในภาคตะวันออกก็เกิดจากอานิสงส์ ของแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ ที่ พล.อ.เปรม ท่านผลักดันและวางรากฐานไว้ โดยเฉพาะ วลี คำขวัญที่ท่านให้ไว้ คือ “โชติช่วงชัชวาล”  ที่เป็นคำขวัญหลักของ การริเริ่มมีนโยบายพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก หรือ Eastern Sea Board (ESB) จนเกิดการพัฒนามากมาย และรัฐบาลชุดปัจจุบันก็สานต่อด้วยการโครงการอีอีซี

ก็หวังว่ารัฐบาลชุดใหม่ จะเดินหน้าพัฒนาอีอีซี และโครงสร้างพื้นฐานเพื่อให้ไทยแข็งแกร่งต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของกลุ่มอมตะก็คาดว่าปีนี้จะมียอดขายที่ดินในไทย ไม่ต่ำกว่า 800 ไร่ ซึ่งเป็นอานิสงส์จากอีอีซี และปัญหาสงครามการค้าสหรัฐและจีน รวมไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น 


ทั้งนี้ ยุคโชติช่วงชัชวาล จุดเริ่มต้นจากที่ประเทศไทย เจอก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย พล.อ.เปรม ผลักดันการพัฒนา อย่างต่อเนื่องจากปี 2524 มีการตั้งโรงแยกก๊าซธรรมชาติ แยกก๊าซมาผลิตไฟฟ้า และปิโตรเคมี เกิดโครงการปิโตรเคมีแห่งชาติ ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งทอ พลาสติก ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และอื่น มีนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นแหล่งรองรับสำคัญ และเปิดประเทศโดยการสร้างท่าเรือนํ้าลึก 2 แห่ง คือ “แหลมฉบัง” 

เพื่ออุตสาหกรรมทั่วไปและอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก และที่ “มาบตาพุด” เพื่อเป็นท่าเรือสินค้าประเภทอุตสาหกรรมหนัก โดยเฉพาะปิโตรเคมิคัล  

ในวารสารสภาพัฒน์วารสารสภาพัฒน์กับการพัฒนาประเทศสู่ปัจจุบันและอนาคต ดร.เสนาะ อูนากูล อดีตเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในยุค พล.อ.เปรม กล่าวว่า พล.อ.เปรม ให้คำขวัญว่า “โชติช่วง ชัชวาล” สำหรับโครงการอิสเทิร์นซีบอร์ด เพื่อยกฐานะเศรษฐกิจของไทยจากร้านชำที่อยู่ในตรอกมาเป็นห้างที่อยู่บนถนนใหญ่ ถือเป็นนโยบายที่เปลี่ยนประเทศไทยจากสังคมกึ่งเกษตรมาเป็นสังคมเกษตรอุตสาหกรรมเต็มตัว ทุกฝ่ายยอมเหนื่อยยาก เพื่อเริ่มงานสำหรับอนาคตของประเทศด้วยโชคดีที่ขณะนั้นท่านนายกฯเปรม เป็นหัวหน้ารัฐบาลที่มีความเข้มแข็ง คณะรัฐมนตรีเกรงใจและท่านให้การสนับสนุน สภาพัฒน์ฯ ซึ่งถือหลักว่าต้องทำงานทุกอย่าง เพื่อส่วนรวมไม่ใช่ส่วนตัว ทำงานทุกอย่างบนโต๊ะ ไม่มีใต้โต๊ะ เป็นหลักใหญ่ที่ใช้กันมาตลอดช่วง 8 ปีของรัฐบาล พล.อ.เปรม 

สอดคล้องกับ คุณปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ อดีตเลขาสำนักงานนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ สพช. กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ หรือ กพช. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เกิดขึ้นในสมัย พล.อ.เปรม ที่มีทีมงาน รัฐมนตรีที่ร่วมกันทำงานโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นสำคัญ และวางรากฐานเรื่องการลอยตัวราคาน้ำมัน จนเกิดการแข่งขันเป็นประโยชน์ต่อประเทศ รวมถึงการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ซึ่งในสมัยนั้น ข้าราชการต่างสบายใจที่ทำงานกับพล.อ.เปรม เพราะท่านซื่อสัตย์ไม่มี เบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่อย่างใด  

สำหรับช่วงที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เริ่มดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี 2523 ช่วงนั้นเกิดวิกฤตการณ์นํ้ามันโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจตกตํ่าทั่วโลก ไทยได้รับผลกระทบขาดเสถียรภาพทางการเงินและการคลัง ขาดดุลการค้า ขาดดุลงบประมาณ    รัฐบาล พล.อ.เปรม จึงดำเนินนโยบายกำหนดวินัยการเงินการคลังอย่างเข้มงวด มีการประกาศลดค่าเงินบาทในปี 2527 ปรับระบบอัตราแลกเปลี่ยนจาก “อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ “ระหว่างเงินบาทกับเงินดอลลาร์สหรัฐ มาเป็น “ระบบตะกร้าเงิน” ซึ่งทำให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น แม้ว่าช่วงนั้นคนไทยต้องทนทุกข์ยาก ธุรกิจจำนวนมากต้องล้มละลาย แต่นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ประเทศไทยรอดพ้นจากการล้มละลายในระยะนั้น  ซึ่งผลงานที่ พล.อ.เปรม สร้างให้กับประเทศนั้น นับว่าใช่เรื่องง่ายๆ หากไม่มีความตั้งใจจริง ซื่อสัตย์สุจริต กล้าหาญกล้าตัดสินใจ มุ่งมั่นอย่างมีเป้าหมาย

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ทุกคนจับตามองคือการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ที่พรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ โดยในส่วนของกระทรวงเศรษฐกิจจะมีใครมาทำงาน โดยในส่วนของกระทรวงพลังงานก็มีกระแสข่าวว่าจะมาจากพรรคประชาธิปัตย์ โดยงานที่รออยู่คือ รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ จะต้องมาตัดสินใจเรื่องการนำเข้าแอลเอ็นจีของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่มีปัญหาว่าหากนำเข้ามาในอัตราสูง ในปี 2563 อาจเกิดปัญหาต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

วธ. ยันกัมพูชาไม่ได้สอดไส้วรรณกรรมไทย ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก

กทม. 15 ก.ค.-กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ยืนยันกัมพูชาไม่ได้นำวรรณกรรมไทย 22 รายการ สอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ออกหนังสือชี้แจง ตามที่มีการกล่าวอ้างในเพจดังกล่าวว่า “นี่คือวรรณกรรมไทย ที่กัมพูชานำไปสอดไส้ขึ้นทะเบียนต่อ Unesco และได้รับการขึ้นทะเบียนไปเรียบร้อย เพราะรัฐบาลไทยปล่อยปละละเลยและไม่คัดค้านเลยแม้แต่นิดเดียว…” กระทรวงวัฒนธรรม ขอขอบคุณท่านที่ห่วงใยต่อกรณีประเทศกัมพูชานำวรรณกรรมไทย จำนวน 22 รายการ นำไปขึ้นทะเบียนต่อยูเนสโก ในหัวข้อ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของกัมพูชา เพื่อใช้ในการแสดง Royal Ballet of Cambodia เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้กับยูเนสโก ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว และขอชี้แจง ดังนี้ 1.ข้อมูลที่อ้างว่ามีการขึ้นทะเบียน “วรรณกรรมไทย 22 รายการ” โดยกัมพูชา ไม่เป็นความจริง เนื่องจากกัมพูชาไม่ได้เสนอขอขึ้นทะเบียนวรรณกรรม จำนวน 22 เรื่อง ต่อองค์การยูเนสโก แต่กัมพูชาได้เสนอขึ้นทะเบียน The Royal Ballet of Cambodia ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงโบราณของกัมพูชา และยูเนสโกได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นรายการตัวแทนมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2546 […]

รวมพลัง 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

15 ก.ค. – กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมด้วย องค์การทางศาสนาทั้ง 15 องค์การ จาก 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และศาสนาซิกข์ รวมทั้งหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมทั้งผู้ประกอบพิธีทางศาสนา ผู้นำทางศาสนา ศาสนิกชน เครือข่ายสถานศึกษา ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงวัฒนธรรม รวมกว่า 1,000 คน ร่วมพิธีทางศาสนามหามงคล 5 ศาสนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม จัดขึ้น ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า กิจกรรมประกอบด้วย พิธีถวายพระพรชัยมงคล […]

หน่วยงาน 3 ป. แถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” จ่อขยายผลเส้นเงิน

บก.ป. 15 ก.ค.- ตำรวจแถลงปฏิบัติการจับกุม “สีกากอล์ฟ” ตรวจสอบเงินในบัญชี 3 ปีย้อนหลัง พบมีเงินหมุนเวียน 385 ล้านบาท ส่วนใหญ่โอนไปเว็บพนัน เหลือเงินในบัญชี 8,000 บาท ขณะที่พระผิดธรรมวินัยทยอยลาสิกขาแล้ว 9 รูป จากทั้งหมด 13 รูป พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยนายภูมิวิศาล เกษมสุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท., นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง., นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ร่วมกับ […]

“ปราสาทตาเมือนธม” วุ่น ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย

กทม. 15 ก.ค.-ทบ.อยู่ระหว่างตรวจสอบปมความวุ่นวาย “ปราสาทตาเมือนธม” หลังมีข่าวทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย กรูเข้าฝั่งไทย ด้าน มทภ.2 ยันสถานการณ์ปกติ อย่าตื่นตระหนก 15 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูล หลังเกิดเหตุความไม่เรียบร้อยที่ปราสาทตาเมือนธม ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ จากกรณีหญิงชาวกัมพูชา ตะโกนใส่ทหารไทยว่าล้ำเส้นเข้าไปในเขตประเทศกัมพูชา และมีการทะเลาะกันเสียงดัง ทำให้ทหารไทยและทหารกัมพูชาที่อยู่ในจุดนั้นต้องเข้ามาห้าม แต่เหตุการณ์ลุกลาม ทหารกัมพูชาเกือบ 1 กองร้อย วิ่งเข้ามาในบริเวณฝั่งไทย ตรงบันไดทางขึ้นปราสาทตาเมือนธม ทางด้านทหารไทยก็ได้เข้าไปอยู่ในจุดดังกล่าวด้วย โดยสถานการณ์มีการผลักอกกัน ตะโกนโวยวาย ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 แจงว่า ปราสาทตาเมือนธม เหตุการณ์ปกติ ไม่มีอะไร ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตกใจ.-313.-สำนักข่าวไทย