กรุงเทพ 17 ต.ค. – คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ชุดใหม่ พิจารณาร่างแผนในระยะเวลา 1 ปี (ต.ค.66-ก.ย.67) และเป้าหมายเร่งด่วนภายใน 99 วัน 8 ด้าน เพื่อดึงดูดอุตสาหกรรมเป้าหมาย 5 คลัสเตอร์หลัก โดย “ภูมิธรรม” ย้ำโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ถึงแม้จะไม่เสร็จสมบูรณ์ในรัฐบาลชุดนี้แต่ก็เกือบเสร็จและจะได้เห็นความคืบหน้าของโครงการแน่นอน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ กพอ. ครั้งแรกภายใต้รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า กพอ.ได้พิจารณาร่างแผนทำงานในระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ถึง เดือนกันยายน 2567 และเป้าหมายเร่งด่วนภายใน 99 วัน เพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากทั่วโลกผ่านอุตสาหกรรมเป้าหมายใน 5 คลัสเตอร์หลัก คือ การแพทย์ ดิจิทัล ยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) บีซีจี และบริการ ทั้งนี้เป้าหมายเร่งด่วนใน 99 วัน ของ อีอีซี แบ่งออกเป็น 8 ด้านคือ
1.ด้านนโยบาย ในเดือนธันวาคม 2566 จะจัดทำแผนภาพรวมเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(2566-2570) ซึ่งจะเป็นกรอบงานหลักของอีอีซี ประกอบด้วย 5 ด้าน คือ 1.ส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต 2.เพิ่มประสิทธิภาพและการใช้ประโยชน์โครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค 3.ยกระดับทักษะแรงงานให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและนวัตกรรม 4.พัฒนาเมืองให้ทันสมัย น่าอยู่อาศัยเหมาะสมกับการประกอบอาชีพ และ 5.เชื่อมโยงประโยชน์จากการลงทุนสู่ความยั่งยืน
2.ด้านการพัฒนาสิทธิประโยชน์เพื่อดึงดูดการลงทุน ในเดือนธันวาคม 2566 อีอีซี จะออกประกาศ กพอ.เรื่องสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการในเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ครอบคลุมด้านภาษีและมิใช่ภาษี
3.ด้านการสร้างระบบนิเวศสำหรับการลงทุน ในเดือนมกราคม 2567 จะพัฒนาแหล่งระดมทุนอีอีซี รองรับการระดมทุนที่ใช้เงินตราต่างประเทศเป็นหลัก โดยเริ่มจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
4.ด้านการขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน จะได้ข้อยุติการเจรจาและแนวทางที่ชัดเจนระหว่าง รฟท.กับ เอกชนคู่ร่วมสัญญาร่วมลงทุน คือ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด โดยนายภูมิธรรม เน้นย้ำในประเด็นนี้ว่า คาดหวังว่าจะทำโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินให้เร็วที่สุด แต่ถึงแม้จะไม่เสร็จสมบูรณ์ในรัฐบาลชุดนี้ภายใน 4 ปีแต่จะได้เห็นความคืบหน้าของโครงการแน่นอน โดยย้ำว่า ถ้าไม่เสร็จก็เกือบเสร็จ ส่วนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ภายในเดือนมกราคม 2567 เอกชนคู่สัญญาจะเริ่มก่อสร้างอย่างเป็นทางการ โดยในเดือนพฤศจิกายนนี้ กองทัพเรือจะจัดการประกวดราคาการก่อสร้างสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเอกชนจะก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร ส่วนกองทัพเรือ จะทำรันเวย์ ทางขึ้นและทางลงเครื่องบิน
5.ด้านการจัดให้มีบริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร เดือนธันวาคม 2566 จะยกระดับการให้บริการอนุมัติ อนุญาต จำนวน 44 รายการ ครอบคลุม 8 กฎหมาย ตาม พรบ.อีอีซี
6.ด้านการพัฒนาพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เดือนตุลาคม 2566 จัดตั้งศูนย์ธุรกิจอีอีซีและเมืองน่าอยู่อัจฉริยะเป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ มีพื้นที่พัฒนาระยะที่ 1 ระมาณ 5,795 ไร่ จากพื้นที่รวมทั้งโครงการประมาณ 14,619 ไร่ การจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษนิคมอุตสาหกรรมเอเพ็กซ์กรีนอินดัสเตรียล เอสเตท พื้นที่ 22,191.49 ไร่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อให้เกิดการลงทุนใน 12 อุตสาหกรรมพิเศษ และเดือนมกราคม 2567 ลงทุนโรงพยาบาลปลวกแดง 2 ในรูปแบบการร่วมทุน ระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งรัฐจะเป็นผู้ลงทุนสร้างโรงพยาบาลและให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ
7.ด้านการเริ่มต้นการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ เดือนธันวาคม 2566 จะมีการลงนามเช่าพื้นที่ในเขตอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล EECd ได้แก่ บริษัท CtrlS Datacenter จากอินเดีย เช่าพื้นที่ 25 ไร่ 50 ปี เพื่อลงทุนศูนย์ธุรกิจข้อมูล มูลค่า 4,500 ล้านบาท กฟผ.เช่าพื้นที่ 5 ไร่ 20 ปี ลงทุนสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าและบริษัท ALBA จากเยอรมนี มีความประสงค์จะเช่าพื้นที่ เพื่อทำโครงการต้นแบบดิจิทัลแพล็ตฟอร์มและศูนย์ควบคุมการรีไซเคิล มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท
8.ด้านการสร้างความเข้มแข็งของพื้นที่และชุมชน เดือนธันวาคม 2566 จะต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่ผลิตโดยชุมชน วิสาหกิจชุมชนและกิจการเพื่อสังคมในพื้นที่อีอีซี ให้ได้รับการรับรองเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนต้นแบบ เดือนมกราคม 2567 จะจัดตั้งศูนย์เครือข่ายพลังสตรี อีอีซี ระดับจังหวัดและระดับอำเภอ เพื่อเป็นศูนย์กลางความเข้าใจและประโยชน์อีอีซีและขยายผลโครงการเยาวชน อีอีซี สแควร์เพื่อสร้างโอกาสให้เยาวชนได้ต่อยอดแนวคิดยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน
นอกจากนี้ที่ประชุม กพอ.ยังได้พิจารณาการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd)โดยเห็นชอบกรอบอัตราค่าเช่าและค่าธรรมเนียม รวมทั้งสิทธิประโยชน์ของผู้ประกอบการในโครงการ EECd พร้อมแผนปฏิบัติการอีกด้วย. -สำนักข่าวไทย