กรุงเทพ ฯ 27 พ.ค. – บลจ.ทาลิสมองการเมืองกดดันหุ้นไทยผันผวน มั่นใจครึ่งปีหลังดัชนีฟื้นตัวแตะ1,700-1,800 จุด แนะปรับพอร์ต เน้นหุ้นปันผล – กองทุนอสังหาฯ – รีทส์ ด้าน บล.เคทีบี คาดสัปดาห์นี้ดัชนีแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,600-1,630 จุด
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงของการปรับฐานขึ้น-ลงตามข่าวดีและข่าวร้ายที่เข้ามา แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวดีจากการที่ MSCI เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทย แต่ก็ยังคงถูกกดดันทั้งจากปัจจัยต่างประเทศและในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ออกมาต่ำกว่าคาด หรือแม้แต่การจัดตั้งรัฐบาลที่ยังหาข้อสรุปกันไม่ได้ ซึ่งน่าเป็นห่วงอีกว่ารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศจะมีเสถียรภาพเพียงพอที่จะออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวอยู่ในตอนนี้หรือไม่
“เรามองว่าความเสี่ยงที่เข้ามากดดันบรรยากาศการลงทุนและเพิ่มความผันผวนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีผลระยะสั้นเท่านั้น ขณะที่ปัจจัยการเมืองในประเทศ คือ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะส่งผลต่อภาพรวมการลงทุนในช่วงนี้ที่ยังเผชิญกับความผันผวน ซึ่งนักลงทุนควรลงทุนด้วยความระมัดระวัง โดยเลือกลงทุนในหุ้นคุณภาพที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีอัตราการจ่ายเงินปันผลสูง รวมถึงพิจารณาเพิ่มการลงทุนในกลุ่มกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หรือทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เนื่องจากเป็นกองทุนที่ให้ผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอและทนต่อความผันผวนได้ดี” นายประภาสกล่าว
ทั้งนี้ บลจ.ทาลิส คาดว่าตัวเลขเศรษฐกิจปี 2562 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.3 ซึ่งลดลงจากปีที่แล้วที่เติบโตถึงร้อยละ 4.1 รวมถึงตัวเลขกำไรของบริษัทจดทะเบียนปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4-7 อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยคาดว่าครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่ดัชนีกลับมาฟื้นตัวได้ เนื่องจากรัฐบาลน่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสที่ดัชนีจะกลับขึ้นไปในระดับ1,700-1,800 จุดได้
นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (27-31 พ.ค.) แกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,600-1,630 จุด ทั้งนี้ การเจรจาการค้าของสหรัฐกับจีนที่ยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าผู้นำของทั้ง 2 ประเทศอาจจะพบปะกันตามกำหนดการเดิมวันที่ 28 มิถุนายน แต่ในช่วงระหว่างนี้อาจจะมีการเจรจาต่อรองหรือตอบโต้กันอย่างเข้มข้น ขณะที่นักลงทุนเริ่มกังวลผลกระทบจากการขึ้นภาษีนำเข้ารอบใหม่วันที่ 1 มิถุนายนนี้ เพราะทำให้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบประมาณร้อยละ 0.6 เช่นเดียวกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ล่าสุดประเมินว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โลกปีนี้จะเติบโตเพียงร้อยละ 3.5 ถือว่าเป็นตัวเลขนี้มีนัยค่อนข้างมาก และยังกระทบต่อดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกด้วย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่ขายสินค้าให้จีน ชิ้นส่วนยานยนต์ รวมถึงกลุ่มท่องเที่ยว
อีกประเด็นสำคัญ คือ การเมืองในประเทศ นักลงทุนกำลังรอดูการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากมีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การเลือกนายกรัฐมนตรีและการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคร่วมต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ประมาณ 253-260 เสียง ซึ่งไม่ทิ้งห่างพรรคฝ่ายค้านมาก จึงทำให้ตลาดหุ้นอาจจะไม่ปรับตัวขึ้นแรงมากนัก เพราะสะท้อนถึงเสถียรภาพของรัฐบาลที่ไม่สูง
กลยุทธ์ลงทุนสัปดาห์นี้ KTBST แนะนำการเข้าลงทุน โดยเน้นหุ้นรายตัว โดยเฉพาะหุ้นที่มีเสี่ยงต่ำ (Defensive) เช่น โรงไฟฟ้าและโรงพยาบาล และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (REIT & Property Fund) และแนะนำถือเงินสดร้อยละ 30 เพื่อดูทิศทางหุ้นหลังผ่านการปรับสัดส่วน (Rebalancing) ของดัชนี MSCI ในวันที่ 28 พฤษภาคมด้วย.-สำนักข่าวไทย