สุราษฎร์ธานี 25 พ.ค.- รองผู้การสุราษฎร์ฯ เกาะติดคดีสะเทือนใจท้องที่กาญจนดิษฐ์ฆ่าเผาอำพรางสาว 18 ปี ทิ้งป่าละเมาะ ล่าสุดหนุ่มเพื่อนบ้านจำนนหลักฐานมัดแน่นทั้งวงจรปิด-ดีเอ็นเอ รับสารภาพแล้วทำคนเดียวเพื่อชิงทรัพย์ ขณะที่ญาติยังแคลงใจคนใกล้ชิดอาจรู้เห็นด้วย
กรณีพบศพ น.ส.จรินยา ช่วยพยัคฆ์ อายุ 18 ปี ถูกเผาพร้อมรถจักรยานยนต์อยู่ในป่าละเมาะถนนสายบ้านศรีควนทอง – บ้านควนราชา หมู่ 8 ต.ช้างซ้าย อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งญาติได้แจ้งความหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. หลังแต่งงานได้เพียง 5 เดือน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งหาเบาะแสและสอบปากคำพยานบุคคล รวมถึงสามีของผู้เสียชีวิต และนายพีระพล นวลเสน่ห์ อายุ 27 ปี บ้านอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ซึ่งพบภาพในกล้องวงจรปิดขับรถจักรยานยนต์ตามหลัง น.ส.จรินยา ก่อนจะหายตัวไป
ล่าสุด (25 พ.ค.) ที่ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ พ.ต.ท.ปิยะวัติ บัวขาว รอง ผกก.สส. และ พ.ต.ท.นพดล เกิดกุลรัตน์ สว.สส. ร่วมสอบปากคำนายพีระพล หลังจากชุดสืบสวนได้ขออำนาจศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีออกหมายจับและศาลอนุมัติเรียบร้อยแล้วในข้อหาชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายและทำให้เสียหายทำลายซึ่งศพโดยไม่มีเหตุอันสมควร รวม 3 ข้อหา เนื่องจากพบร่องรอยบาดแผลตามร่างกายหลายแห่ง เมื่อส่งตรวจดีเอ็นเอก็ตรงกับที่เกิดเหตุและสอดคล้องกับวงจรปิดของร้านทองแห่งหนึ่งในท้องที่ สภ.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ขณะที่นายพีระพลนำสร้อยทอง จำนวน 1 บาท แหวน 1 สลึงของ น.ส.จรินยา ไปขาย
นายพีระพล จึงยอมจำนนด้วยหลักฐานและสารภาพฆ่าเผา น.ส.จรินยา โดยทำเพียงคนเดียว เพื่อต้องการชิงทรัพย์ ก่อนเกิดเหตุเห็น น.ส.จรินยา ขับรถจักรยานยนต์ออกจากร้านรับซื้อน้ำยางพารา จึงรีบขับไปดักทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต จากนั้นได้เผาอำพรางศพช่วงเวลา 23.00 น.ของวันเดียวกัน
ด้านแม่ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่เชื่อว่านายพีระพล เป็นผู้ก่อเหตุเพียงลำพัง แม้ตำรวจมีพยานหลักฐานมัดตัวคนก่อเหตุ เพราะยังมีอีกหลายอย่างที่ยังติดค้างอยู่ในใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกเขย เพราะหลังจากที่ลูกสาวหายออกจากบ้านและญาติได้พากันตามนั้น ตัวลูกเขยไม่ได้กระตือรือร้นช่วยตามหา อีกทั้งยังมีข้ออ้างว่าพบลูกสาวตามสถานที่ต่าง ๆ รวมถึงไปกับคนอื่น จึงอยากให้เจ้าหน้าที่สอบปากคำลูกเขยให้ละเอียดอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย