สุราษฎร์ธานี 26 พ.ค.- ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาทำแผนได้เพียงบางส่วนคดีฆ่าเผาชิงทรัพย์เพื่อนบ้านสาววัย 18 ทิ้งป่าละเมาะกาญจนดิษฐ์ ต้องพากลับโรงพัก เจอกระแสอารมณ์โกรธชาวบ้านหวั่นต้านไม่อยู่ ด้าน ผบช.ภาค 8 ยังไม่เชื่อคำให้การสั่งสอบต่อ
กรณีพบศพ น.ส.จรินยา ช่วยพยัคฆ์ อายุ 18 ปี ถูกเผาพร้อมรถจักรยานยนต์อยู่ในป่าละเมาะถนนสายบ้านศรีควนทอง-บ้านควนราชา หมู่ 8 ต.ช้างซ้าย อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งญาติได้แจ้งความหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. หลังแต่งงานได้เพียง 5 เดือน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเร่งหาเบาะแสและสอบปากคำพยานบุคคล รวมทั้งนายพีระพล นวลเสน่ห์ อายุ 27 ปี เพื่อนบ้าน ซึ่งอ้างว่ารอยขีดข่วนบนร่างกายเกิดจากไล่จับตัวตะกวด แต่สุดท้ายจำนนด้วยหลักฐานดีเอ็นเอตรงกับในที่เกิดเหตุและยอมรับสารภาพฆ่าเพื่อชิงทรัพย์นั้น
เมื่อเวลา 11.00 น. (26 พ.ค.) ที่ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 พ.ต.อ.เชิดพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และ พ.ต.อ.สมบัติ ฉ่ำแสง ผกก.สภ.กาญจนดิษฐ์ ได้สอบปากคำนายพีระพล เพิ่มเติม
พล.ต.ท.พงษ์วุฒิ กล่าวว่า นายพีระพลยอมรับก่อเหตุประสงค์ต่อทรัพย์ อ้างว่าติดการพนัน และก่อเหตุคนเดียว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสอบสวนให้ครบถ้วนทุกประเด็น ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดข้อสมมุติฐานในการก่อเหตุประเด็นใดทิ้ง และไม่ได้เชื่อในคำให้การของผู้ต้องหาจะต้องทำการสอบพยาน โดยจะนำผลทางนิติวิทยาศาสตร์กับพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติมในที่เกิดเหตุมาประกอบด้วย เพราะเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ และผู้ต้องหาก่อเหตุโหดเหี้ยม
จากนั้นตำรวจได้คุมตัวนายพีระพล ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่ร้านทองในพื้นที่หมู่ 1 ต.ขุนทะเล ถ.สุราษฎร์-นาสาร อ.เมือง ที่นายพีระพล นำสร้อยคอทองคำและแหวนทองของผู้เสียชีวิตมาขายเป็นเงิน 22,000 บาท และทำแผนจุดเกิดเหตุฆ่าเผาอำพราง โดยมีชาวบ้านมารอดูจำนวนมาก รวมทั้งสามีของผู้เสียชีวิต แม้ทางตำรวจหน่วยปฎิบัติการพิเศษภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ สภ.กาญจนดิษฐ์ ช่วยกันเขตดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ต้องหาไว้แล้ว แต่เมื่อชาวบ้านเห็นตัวผู้ต้องหายิ่งโกรธมากขึ้นและมีท่าทีจะตรงเข้ามาถึงตัวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่เกรงว่าไม่ปลอดภัยได้พาตัวนายพีระพลขึ้นรถตู้กลับมายัง สภ.กาญจนดิษฐ์ โดยทำแผนในจุดเกิดเหตุได้แค่เล็กน้อย
ทั้งนี้ นายพีระพล ถูกดำเนินคดีใน 3 ข้อหา ได้แก่ ก่อเหตุชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและซ่อนเร้นทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายและทำให้เสียหายทำลายซึ่งศพโดยไม่มีเหตุอันสมควร มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิตยังไม่รับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล และขอรอผลการสอบสวนจากตำรวจ เพราะยังเชื่อว่านายพีระพล ไม่ได้ทำคนเดียว.-สำนักข่าวไทย