สธ.22พ.ค.-อย.สรุปยอดยื่นขอนิรโทษกัญชาอย่างไม่เป็นทางการคาดมีไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นคน ส่วนใหญ่ของผู้ยื่น เป็นเยาวชน อ้างใช้แก้ปวด ยังไม่ตรงกลุ่มโรค มีแค่ 100 คน เข้าเกณฑ์ใช้ 4 กลุ่มโรครักษา จากนี้ผู้ยื่นขอนิรโทษกัญชา สามารถใช้กัญชาต่อเนื่องได้อีก 3 เดือน จนกว่าจะมีกัญชาในระบบ ส่วนการอายัดกัญชาไว้กับ อย.ยึดเมล็ดกัญชาไว้ได้ส่วนหนึ่ง คาดในอนาคต ใช้ในการปลูก พร้อมเผยพบปัญหา คนแห่ทดลองใช้กัญชาเกิดอาการข้างเคียง ต้องหามรักษาที่ห้องฉุกเฉิน
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย.กล่าวสรุปยอดการยื่นขอนิรโทษกัญชาว่า เมื่อวานนี้ (21พ.ค.) เป็นวันสุดท้ายของการยื่นของนิรโทษ ไม่รับผิดจากการใช้กัญชาเพื่อทางการแพทย์ โดยมีผู้มายื่นรวมทั้งสิ้น 20,000 คน จากนี้อีก 3 เดือน หรือประมาณ 90 วัน ผู้ที่มาขอนิรโทษ สามารถใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคได้ จนกว่าจะมีกัญชาในระบบ ซึ่งคาดว่าจะประมาณ เดือน ก.ค.-ส.ค.ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการ พบว่า จำนวนผู้ที่มาขอยื่นนิรโทษนี้ ส่วนใหญ่ระบุว่าใช้เพื่อบรรเทาอาการปวด เมื่อย ปวดศีรษะ กังวล เครียด ซึ่งในการรักษาโรคลักษณะดังกล่าว สามารถใช้ยาอื่นทดแทนได้ไม่จำเป็นต้องใช้กัญชา ขณะที่ 4 กลุ่มโรค (ลมชักในเด็ก ลมชักในเด็ก,ผู้ป่วยมะเร็งที่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนจากการได้รับยาเคมีบำบัด และปวดเรื้อรัง, ปอกปลายประสาทอักเสบ) กลับมีแค่ประมาณ 100 คน สำหรับของกลางกัญชาที่มายื่นของนิรโทษ ที่ทาง อย. ได้อายัดและเก็บไว้ในขณะนี้ มี เมล็ดกัญชา คาดว่าต่อไปจะนำไปใช้ในการปลูก
นพ.สุรโชค กล่าวว่า จากการสังเกตผู้ที่มาขอยื่นนิรโทษกัญชา ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น ซึ่ง อย.มีระเบียบหลักเกณฑ์ที่แน่ชัดว่า ผู้มายื่นขอนิรโทษต้องไม่ใช่เยาวชน หรือถ้าเป็นเยาวชนที่ป่วยต้องได้รับคำยินยอมจากผู้ปกครอง ขณะเดียวกันการใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคในกฎหมายเขียนชัดว่า ต้องไม่ใช่ในเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีเพราะจะมีปัญหาทางสมองและในใบสั่งจ่ายกัญชาทางการแพทย์ กำหนดให้ใช้กัญชาในผู้ป่วยที่มีอายุ25ปีเท่ากับ ประเทศออสเตรเลีย ยกเว้นโรคลมชักในเด็กที่ กัญชาในประสิทธิผลดีในการรักษาเท่านั้น
นพ.สุรโชค กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันจากกรณีของการยื่นนิรโทษกัญชา ทำให้ขณะนี้ได้รับรายงานจากหลายโรงพยาบาล พบผู้ป่วยที่มีอาการ ปวดศีรษะ วูบ สลบไป มารับการรักษาในห้องฉุกเฉินมากขึ้น ซึ่งเมื่อสอบถามพบว่า เกิดการจากทดลองใช้กัญชาและคาดว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะพบผู้ป่วยในลักษณะอาการเช่นนี้มากขึ้น จึงเตรียมประสานให้มีการเก็บข้อมูลผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน
ขณะเดียวกันประสานกรมการแพทย์ให้มีการอบรมแพทย์,เภสัชกร ให้รู้ผลข้างเคียงหรือฤทธิ์จากการใช้กัญชา ซึ่งเชื่อว่าแต่ก่อนไม่พบผู้ป่วยมากขนาดนี้ เพราะแต่เดิมการกัญชายังไม่อนุญาต ใช้ทางการแพทย์และอยากให้เข้าใจว่ากัญชาไม่ใช่ยาวิเศษรักษาได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิต หรือหัวใจ รวมถึงอาการทางจิตเวช กัญชาไม่ได้มีฤทธิ์ช่วย ขณะเดียวกันอาจได้รับผลข้างเคียงจากกัญชา เพราะการใช้กัญชา ยังไม่มีการกำหนดขนาดที่เหมาะสม และสารพันธุ์ของกัญชา ก็ให้สารและฤทธิ์ที่แตกต่างกัน บางตัวมีสารTHC สูง ทำให้เกิดอาการหลอนได้ .-สำนักข่าวไทย