กรุงเทพฯ 21 พ.ค. – วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ภาครัฐเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วประเทศที่จำเป็นต้องใช้กัญชาในการรักษาโรค มารายงานแจ้งความจำเป็นการครอบครอง บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก และหลังจากนี้คนที่ไม่มาแจ้ง หรือแจ้งแล้วไม่ทำตามที่แจ้ง จะมีผลอย่างไร ติดตามจากรายงาน
อุ่นหนาฝาคั่งมากันทุกเพศทุกวัย ต่างพร้อมเพรียง เตรียมใจ เอกสารทางการแพทย์ และไม่ลืมหลักฐานสำคัญ คือ สารสกัดจากกัญชา บางรายไม่มีของจริงก็หอบรูปภาพของที่ใช้มาแสดงให้เจ้าหน้าที่พิจารณา ในวันสุดท้ายที่ อย. เปิดโอกาส 90 วัน ให้ประชาชนแจ้งครอบครองกัญชา โดยไม่ต้องรับโทษ หลัง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ มีผลบังคับใช้ เริ่มแจ้งได้ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์
ทุกคนที่มาล้วนแล้วแต่มีโรคประจำตัวไม่หนักก็เบา แต่ทั้งหมดก็ได้กัญชาเยียวยาจนดีขึ้น อย่างหนุ่มคนนี้เป็นไมเกรน แม้จะได้ยาจากหมอ แต่ก็ขอเลือกใช้สมุนไพรรักษา เพราะเชื่อว่าไม่ทำร้ายร่างกาย
คนส่วนใหญ่ที่เลือกมาวันสุดท้าย เพราะรอติดตามข่าวให้แน่ใจที่สุดว่า มาแล้วจะไม่ให้โทษ ทำให้ อย.คาดว่า วันนี้ในกรุงเทพฯ จะมีคนมาขอนิรโทษเกินกว่า 1,000 คน จากปกติเฉลี่ยแค่วันละไม่กี่ร้อยคน ส่วนยอดแจ้งครอบครองกัญชาทั่วประเทศตอนนี้มีประมาณ 16,000 ราย เมื่อรวมยอดทั่วประเทศ และยอดลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของสภากาชาดไทย วันนี้ น่าจะทะลุเกินกว่า 20,000 ราย
อย.ยืนยันผู้มาแจ้งครอบครองกัญชากับ อย. จะไม่ได้รับโทษ แต่ปริมาณการครอบครองสารสกัดจากกัญชา ต้องมีปริมาณตามที่แจ้งไว้ หากตรวจสอบภายหลังแล้วพบว่ามีเกินกว่าจำนวนที่แจ้ง ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ หลังจากนี้ใครที่ต้องการใช้ อย.ได้นำกัญชาเข้าสู่ระบบแล้ว แค่ขอให้รอยาที่ได้คุณภาพ
ล่าสุด “น้ำมันกัญชา” ลอตแรกที่องค์การเภสัชกรรม สกัดและผลิตขึ้น จำนวน 2,500 ขวด จะเริ่มนำมาใช้รักษากับ 4 กลุ่มโรค คือ ลมชักในเด็ก กล้ามเนื้อแข็ง ผู้ป่วยมะเร็งที่มีอาการคลื่นไส้อาเจียนจากการได้รับยาเคมีบำบัด และปวดเรื้อรัง แต่จากข้อมูลที่แจ้งมาขณะนี้มีไม่ถึง 100 ราย
ส่วนกลุ่มโรคพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ เครียด และอีกกลุ่มคือ กลุ่มที่อาจจะมีประโยชน์ เช่น การใช้น้ำมันกัญชาในการฆ่าเซลล์มะเร็ง จะพิจารณาในลำดับถัดไป โดยกัญชาที่ถูกต้องตามกฎหมายต้องผลิตโดยกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งจะออกสู่สาธารณชนให้ใช้กันได้ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ถึงต้นเดือนสิงหาคมนี้. – สำนักข่าวไทย