สธ.แจงการใช้สารสกัดน้ำมันกัญชา

สธ.21 พ.ค.-สธ.แนะผู้ป่วยที่ใช้สารสกัดน้ำมันกัญชาทางการแพทย์ ต้องได้รับการสั่งจ่ายโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่ผ่านการอบรมของกรมการแพทย์ และกรมการแพทย์แผนไทย 


นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กระทรวงสาธารณสุข คำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ป่วยที่ต้องการรักษาด้วยสารสกัดน้ำมันกัญชา ซึ่งผู้ป่วยไม่สามารถนำมาใช้รักษาโรคได้ด้วยตนเอง ต้องได้รับการรักษา สั่งจ่ายและควบคุมจากบุคลากรทางการแพทย์ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรของกรมการแพทย์และกรมการแพทย์แผนไทย เพื่อให้ผู้ป่วยมีความปลอดภัย ได้รับการรักษาที่มีประสิทธิผล มีความเป็นธรรมในการเข้าถึงการรักษา 


นพ.สุขุม กล่าวต่อว่า มอบหมายให้กรมการแพทย์ จัดอบรมการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์แก่แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร ทั้งหน่วยงานในกระทรวงสาธารณสุขและนอกกระทรวงสาธารณสุข อาทิ  กรุงเทพมหานคร กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สภากาชาดไทย มหาวิทยาลัย เอกชนและบุคคล ซึ่งในปีงบประมาณ 2562 กำหนดจัด 6 รุ่น ตั้งแต่เดือนเมษายน – กันยายน และรุ่นพิเศษสำหรับบุคลากรกระทรวงสาธารณสุขในวันที่17–18 มิถุนายน 2562 ขณะนี้อบรมรุ่นที่1แล้ว มีผู้ผ่านการประเมิน 175 คนจากที่เข้ารับการอบรม 192 คน รุ่นที่2 จะอบรมวันที่ 23–24 พฤษภาคม 2562 ขณะนี้เปิดลงทะเบียนออนไลน์รุ่นที่ 3–6 พร้อมกันทางเว็บไซต์กรมการแพทย์ http://www.dms.moph.go.th/dms2559  จำนวนรุ่นละ 300 คน และได้ให้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อบรมวิทยากร ครู ก หลักสูตรการใช้กัญชาทางการแพทย์แผนไทย แก่แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ เภสัชกร หมอพื้นบ้าน เมื่อวันที่ 29 – 30 เมษายน 2562 มีผู้ผ่านการประเมิน 157 คนจากที่อบรมทั้งหมด 172 คน โดยวิทยากร ครู ก จะไปขยายผลอบรมแก่บุคลากรในระดับเขตสุขภาพ และกทม. ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 


ทั้งนี้ ในการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์แผนปัจจุบันใช้ในการดูแลรักษาและควบคุมอาการของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีมาตรฐานแล้วไม่ได้ผล ไม่แนะนำให้ใช้เป็นการรักษาเริ่มต้น โดยใช้รักษาใน 3 กลุ่ม คือ 1.สารสกัดกัญชาได้ประโยชน์ในการรักษาซึ่งมีข้อมูลทางวิชาการที่สนับสนุนชัดเจน ได้แก่ ภาวะคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด โรคลมชักที่รักษายากและที่ดื้อต่อยารักษา ภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ภาวะปวดประสาทที่รักษาด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล 

2.สารสกัดกัญชาน่าจะได้ประโยชน์ในการควบคุมอาการ ซึ่งควรมีข้อมูลทางวิชาการที่สนับสนุนหรือการวิจัยเพิ่มเติม เช่น โรคพาร์กินสัน อัลไซเมอร์ โรควิตกกังวล โรคปลอกประสาทอักเสบ ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย เป็นต้น 

และ3.สารสกัดกัญชาอาจมีประโยชน์ในการรักษาแต่ยังขาดข้อมูลจากการวิจัยสนับสนุนที่ชัดเจนเพียงพอในด้านความปลอดภัยและประสิทธิผล ซึ่งต้องศึกษาวิจัยในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองก่อนนำมาศึกษาวิจัยในมนุษย์ เช่นการรักษามะเร็ง และโรคอื่น ๆ  .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง