พัทลุง 20 พ.ค.-ผบก.ภจว.พัทลุง นำทีมตำรวจพัทลุง ร่วมกับ จนท.ปปส.ภ.9 และเจ้าหน้าที่ทหารบุก ช่วยหนุ่มลาว หลังญาติร้องสถานทูตว่าถูกคนไทยกักตัวและใช้อาวุธปืนข่มขู่ ให้สั่งซื้อกัญชาอัดแท่งจากลาว จำนวน 500 กก. เพื่อแลกกับอิสรภาพ
พล.ต.ต.ธรัฐชา ถมปัทถ์ ผบก.ภจว.พัทลุง นำทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจพัทลุง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติด ภาค 9 และเจ้าหน้าที่ทหารกว่า 50 นาย บุกเข้าช่วยเหลือ ท้าวไมน้อย ลอวันไซ อายุ 30 ปี หนุ่มชาวลาว หลังได้รับแจ้งว่าหนุ่มลาว คนดังกล่าวถูกกักตัวที่อยู่ในพื้นที่ ต.นาโหนด อ.เมือง จ.พัทลุง
ทันทีที่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท้าวไมน้อย ได้วิ่งเข้าไปเพื่อขอความช่วยเหลือในสภาพที่หวาดกลัว พร้อมเล่ากับเจ้าหน้าที่ว่า ถูกชายเจ้าของบ้านพร้อมพวกรวม 3 คน ใช้อาวุธปืนข่มขู่และทำร้ายร่างกาย กักบริเวณไม่ให้ไปไหน จนกว่าตนเองจะสั่งซื้อกัญชาอัดแท่งจำนวน 500 กก. จากลาวให้ จึงจะยอมปล่อยตัว
สืบเนื่องมาจาก ตำรวจได้รับการประสานจากสถานทูตลาว ผ่าน สนง.ปปส. ว่ามีหนุ่มลาวถูกคนไทยกักขังหน่วงเหนี่ยวเพื่อแลกค่าปล่อยตัวเป็นกัญชาจำนวน 500 กก.ในพื้นที่ ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง หลังเข้าช่วยเหลือหนุ่มลาว เล่าให้เจ้าหน้าที่ฟังว่า มีการติดต่อกับกลุ่มชาวไทยผ่านจากเฟซบุ๊กเมื่อ 6 เดือนก่อน โดยพูดคุยกับเรื่องธุรกิจค้าข้าวและอาหารทะเล มีการพูดคุยกันจนหนุ่มลาวหลงเชื่อว่าชายไทยทำธุรกิจเกี่ยวกับข้าวและอาหารทะเลจริง จึงขอมาดูกิจการ จนกระทั่งในวันที่ 30 เม.ย. หนุ่มลาวได้เดินทางจากลาว และกลุ่มคนไทยได้ใช้รถยนต์เก๋ง โตโยต้าวีออส สีบอร์นเงิน หมายเลขทะเบียน กง 1777 พัทลุง ไปรับคืนวันที่ 1 พ.ค. ที่สถานีขนส่ง จังหวัดสงขลา และกลุ่มคนไทยทั้ง 3 คนพาหนุ่มลาวไปดูสถานบริการที่บอกว่าพวกเขาเป็นเจ้ากิจการในพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา ก่อนจะพามาอยู่ที่บ้าน ในพื้นที่ ต.นาโหนด อ.เมืองพัทลุง พร้อมชายทั้ง 3 คนได้เจรจาว่าธุรกิจของพวกเขาในประเทศมาเลเซีย มีปัญหาให้หนุ่มลาวช่วยหากัญชา จำนวน 500 กก. และหนุ่มลาว บอกเจ้าหน้าที่ว่า ถูกกักตัวและถูกทำร้ายร่างกาย พร้อมถูกบังคับห้ามแจ้งตำรวจและมีคนเฝ้าตลอด แต่กลุ่มชายไทยยอมให้ใช้โทรศัพท์เพื่อติดต่อญาติ เพราะหวังจะให้ติดต่อเพื่อสั่งกัญชา หนุ่มลาวใช้วิธีประวิงเวลา และหลอกล่อว่าจะสั่งกัญชาให้ เพื่อรอให้ญาติประสานทางสถานทูตที่ลาว และให้เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือ ดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวเจ้าของบ้านพร้อมพวกอีก 2 คนประกอบด้วย นายกรชวัต นะคงคา ชาวจ.สุรินทร์ และนายศราวุธ เตยแก้ว ชาว จ.สตูล พร้อมอาวุธปืนยาวและปืนสั้นรวม 4 กระบอก พร้อมซองบรรจุกระสุนปืนและเครื่องกระสุน อีกเกือบ 100 นัด โทรศัพท์มือถือ 6 เครื่อง ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว เพื่อให้เสื่อมสิทธิเสรีภาพโดยมีและใช้อาวุธปืนข่มขู่ กักขังหน่วงเหนี่ยวบุคคลอื่นซึ่งให้ได้มาซึ่งค่าไถ่
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ และไม่ยอมให้การใดๆ ในชั้นสอบสวน ขอให้การในชั้นศาล ส่วนจากการตรวจสอบเบื้องต้นปืนทั้งหมดมีใบอนุญาตครอบครองทุกกระบอก เจ้าหน้าที่ได้รับการยืนยันว่าอาวุธปืนดังกล่าวใช้ข่มขู่หนุ่มชาวลาว จึงได้ตรวจยึดไว้เพื่อเป็นของกลางและจะตรวจสอบเทียบเคียงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ว่าเคยใช้ในการกระทำความผิดหรือไม่ ส่วนหนุ่มลาว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เร่งสอบปากคำในฐานะผู้เสียหาย พร้อมประสานญาติที่ลาว ก่อนจะดำเนินการส่งกลับประเทศต่อไป.-สำนักข่าวไทย