กรุงเทพฯ 19 พ.ค.-พรรคประชาชาติ ระบุ “พล.อ.ประยุทธ์” อาจเข้าข่ายครอบงำพรรคพลังประชารัฐ กรณีให้ดูแลกระทรวงความมั่นคง
นายสุพจน์ อาวาส รองโฆษกพรรคประชาชาติ เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศต่อสื่อมวลชนว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต้องดูแลกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม รวมถึงต้องการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งการกระทำข้างต้นขัดกับมาตรา 92 (3) และมาตรา 28 แห่ง พ.ร.ป.รัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ที่ระบุว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอม หรือกระทำการอันใดทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือ ชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม” เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐได้ หรือ พล.อ.ประยุทธ์ อาจพลั้งเผลอและยังแยกไม่ออกว่า ขณะนี้ต้องเล่นบทอะไรที่ให้เหมาะกับสถานการณ์ โดยมองว่าเรื่องนี้น่าจะมีมูลและเข้าข่ายควบคุม ครอบงำ หรือ ชี้นำ พรรคพลังประชารัฐ เพราะในเวลาต่อมา คสช.ออกมาระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ แค่เป็นห่วงและไม่มีนัยอะไรแอบแฝง เข้าลักษณะโยนหินถามทาง เพื่อดูว่าพรรคร่วมต่าง ๆ จะมอง หรือสะท้อนต่อท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐอย่างไร
“ความเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่ได้รับการเสนอชื่อยังไม่เกิด แถมยังไม่มีการเลือก ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่ถ้าเป็น ก็ยิ่งน่าตกใจ และแสดงว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมามีการใช้อำนาจรัฐหนุนเสริมพรรคพลังประชารัฐและส่งผลให้การเลือกตั้งหมิ่นเหม่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม หรือเอื้อและอำนวยต่อพรรคพลังประชารัฐ และหน้าที่ในการพิจาณาและเสนอชื่อทีมฝ่ายบริหารเป็นหน้าที่ของหัวหน้าและกรรมการบริหาร รวมถึงสมาชิกพรรค ดังนั้นการที่ พล.อ.ประยุทธ์ ออกมาพูดภายใต้กรอบเวลาที่ไม่เหมาะสมและไม่อยู่ในสถานะที่ต้องพูด จึงไม่เห็นจะเป็นประโยชน์อะไร หรือว่าคุ้นชินและถือปฏิบัติเป็นปกติวิสัย” นายสุพจน์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย