กรุงเทพฯ 22 ส.ค. – บีโอไอเผยอุตสาหกรรมการแพทย์ลงทุนในไทยกว่า 5,000 ล้านบาท มั่นใจผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพในภูมิภาคตามนโยบายของรัฐบาล มีทั้งโครงการลงทุนผลิตเลนส์แก้วตาเทียมแห่งแรกของประเทศ และชุดน้ำยาตรวจยีน เผยผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์จากอเมริกาเตรียมเปิดโรงงานผลิตน้ำยาล้างไตทางช่องท้อง โครงการ 2 ที่จังหวัดระยอง
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคตอย่างเป็นรูปธรรมผ่านการสนับสนุนสร้างแรงจูงใจทั้งด้านภาษี การปรับกฎระเบียบ ต่าง ๆ เพื่อให้เอื้อต่อการลงทุนนั้น ส่งผลให้มีการลงทุนในกลุ่มกิจการใหม่ ๆ และมีการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาการผลิตในประเทศไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะการลงทุนในกลุ่มกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ค.59) มีการยื่นขอรับส่งเสริมลงทุนแล้วมูลค่ารวมกว่า 5,100 ล้านบาท มูลค่าการลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ 252 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีมูลค่าการยื่นขอรับส่งเสริมลงทุนอยู่ที่ประมาณ 1,450 ล้านบาท
ทั้งนี้ มีกิจการที่บีโอไอได้พิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนแล้ว และเป็นโครงการที่น่าสนใจ อาทิ กิจการชุดน้ำยาตรวจยีน ซึ่งเป็นชุดทดสอบเพื่อตรวจจับความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยชุดผลิตภัณฑ์จะช่วยให้สามารถวินิจฉัยและคัดกรองผู้ที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบได้ภายในเวลาสั้น เพื่อทำการรักษาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งโครงการนี้ผู้ผลิตวางแผนเข้ามาลงทุนขยายการผลิตและตั้งโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ชุดน้ำยาตรวจยีนในต่างประเทศเป็นครั้งแรกจากเดิมที่มีผลิตแค่ในประเทศจีนเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังอนุมัติส่งเสริมลงทุนแก่โครงการผลิตเลนส์แก้วตาเทียม (Intraocular Lenses) เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาในการมองเห็น เช่น ผู้ป่วยที่เป็นต้อหินหรือต้อกระจก โดยวิธีการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตาเทียมให้กับผู้ป่วย เกิดจากการนำผลการวิจัยและพัฒนา ซึ่งผู้ประกอบการไทยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการศึกษา เช่น สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ เป็นต้น ดำเนินการมาทำการผลิตในเชิงพาณิชย์ โดยโครงการนี้จะเป็นครั้งแรกที่มีการผลิตเลนส์แก้วตาเทียมในประเทศไทยจะมีกำลังผลิตปีละประมาณ 50,000 ชิ้น คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้ในช่วงเดือนมกราคม 2561 ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 80 เป็นการผลิตเพื่อป้อนความต้องการในประเทศ จึงเป็นการทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศและจะช่วยขยายโอกาสการเข้าถึงเลนส์แก้วตาเทียมให้กับผู้ป่วยในประเทศไทย เนื่องจากราคาต่ำกว่าเมื่อเทียบกับการนำเข้าจากต่างประเทศ ขณะเดียวกันผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ข้างต้นยังมีแผนที่จะพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับกระบวนการผลิตเลนส์แก้วตาเทียมที่มีคุณสมบัติสูงขึ้น อาทิ เลนส์แก้วตาเทียมที่สามารถแก้ค่าสายตาเอียงได้ ซึ่งรูปแบบของกิจการผลิตในกิจการนี้จัดเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องและสนับสนุนอุตสาหกรรมบริการทางการแพทย์สอดคล้องกับนโยบายการมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ (Medical Hub) ในภูมิภาคอาเซียนของรัฐบาลต่อไป
นางหิรัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมจะมีพิธีเปิดโรงงานสำหรับผลิตน้ำยาล้างไตทางช่องท้อง ซึ่งเป็นโครงการขยายการลงทุนโครงการที่ 2 ของบริษัท แบ็กซ์เตอร์ แมนูเฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง โดยบริษัทดังกล่าวเป็นผู้ผลิตในกลุ่มแบ็กเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (Baxter International Inc.) ผู้ผลิตและจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์รายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยตั้งแต่ปี 2537 และขยายการลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมูลค่าการลงทุนรวมของบริษัทในประเทศไทยสูงกว่า 6,000 ล้านบาท สร้างรายได้จากการส่งออกเป็นมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อปี.-สำนักข่าวไทย