“สมคิด” เร่งรัฐวิสาหกิจลงทุนดันเศรษฐกิจครึ่งปีแรก

กระทรวงการคลัง 16 พ.ค. – รองนายกฯ เร่งรัดรัฐวิสาหกิจลงทุนดันเศรษฐกิจครึ่งปีแรก เพื่อประคองเศรษฐกิจหลังเบิกจ่ายได้กว่า 88,000 ล้านบาท ขุนคลังไม่หวั่นสหรัฐจัดไทยเป็นประเทศแทรกแซงค่าเงินบาท 

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมทั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจที่มีวงเงินลงทุนขนาดใหญ่ 19 แห่ง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ประชุมเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ เพื่อรักษาการเติบโตเศรษฐกิจไตรมาส 2 และ 3 ของปี 2562 หลังจากวางกรอบลงทุนทั้งปีของรัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง มูลค่า 333,441 ล้านบาท มีผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมปี 2562 (ต.ค.61-เม.ย.62)  88,010 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 92 ของแผนการเบิกจ่ายสะสม  โดยสามารถสรุปการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมถึงสิ้นเดือนเมษายน 2562 ของรัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง     

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวจนส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ขณะที่ภาคเอกชนยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาทางการเมือง  จึงต้องอาศัยการเบิกจ่ายของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เป็นตัวนำในการเบิกจ่ายเงินลงทุน เพราะหากไม่ทำอะไร จีดีพีของประเทศจะชะลอตัวไปมากกว่านี้  ยอมรับพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมีความมั่งคงมาก ฐานะสำรองค่อนข้างสูง ภาระหนี้ต่างประเทศต่ำมาก  เพราะหากจีดีพีชะลอตัวต่อเนื่องจะกระทบต่อแผนกระจายรายได้ หากเร่งรัดหาทางประคับประคองเศรษฐกิจยังเชื่อมั่นจีดีพียังขยายตัวร้อยละ 3-4 เพราะกระทรวงการคลังปรับจีดีพีทั้งปี 2562 ขยายตัวร้อยละ 3.8  ยอมรับว่ามีรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายต่ำกว่าเป้าหมาย 5 แห่ง อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การบินไทย ไปรษณีย์ไทย จึงหาแนวทางเร่งรัดและยังขอให้รัฐวิสาหกิจที่มีศักยภาพ เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.)และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) นำโครงการลงทุนที่มีอยู่มาลงทุนเบื้องต้น เพื่อรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจภาพรวม

นายอภิศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีสหรัฐเตรียมพิจารณาจัดไทยเป็นประเทศแทรกแซงค่าเงินบาท คาดว่าส่งผลกระทบน้อยมาก เพราะไทยไม่ได้รับการช่วยเหลือทางการเงินจากสหรัฐ การเจรจาเสรีทางการค้าหรือ FTA ไทย-สหรัฐ ยังไม่ได้เริ่มต้นหารือ หากถูกจัดอันดับตามที่สหรัฐกำหนด  มองว่าได้รับผลกระทบน้อยมาก และการแทรกแซงค่าเงินบาทที่ไทยดำเนินการอยู่นับว่าแทรกแซงน้อยมาก เพราะเกินดุลการค้าไม่เกินกำหนด 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันไทยเกินดุล 19,500 ล้านดอลาร์สหรัฐ .-สำนักข่าวไทย