กรุงเทพฯ 13 พ.ค. – 11 พรรคเล็กลงนามในสัตยาบันหนุนพรรคพลังประชารัฐตั้งรัฐบาล แต่การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่นิ่ง ต้องรอการตัดสินใจของ 2 พรรคที่เป็นตัวแปรสำคัญ คือ พรรคประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ที่ยังสงวนท่าที อย่างไรก็ตาม มีการจัดสรรเก้าอี้กันแล้ว
เป็นแต้มต่อของพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น เมื่อนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นำเลขาธิการพรรคมาเป็นสักขีพยาน พร้อมรอรับหนังสือลงนามในสัตยาบันของ 11 พรรคเล็ก อาทิ พลังชาติไทย ประชาภิวัฒน์ พลังไทยรักไทย ครูไทยเพื่อประชาชน ที่จะสนับสนุนพลังประชารัฐเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล โดยหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และเห็นตรงกันว่า ยึดประโยชน์ของชาติก่อนประโยชน์พรรค ซึ่งหากปล่อยให้เกิดสภาวะรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจะกระทบความเชื่อมั่น
นอกจากเหตุผลที่แจงสื่อฯ มีรายงานว่า 11 พรรคเล็กอาจได้โควตา 1 รัฐมนตรีว่าการ และ 1 รัฐมนตรีช่วย โดยหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขอบคุณ 11 พรรคเล็กที่ร่วมกันนำพาประเทศให้ขับเคลื่อนไปได้อย่างราบรื่น และยังเชื่อว่าจะได้รับข่าวดีจากพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย แต่ต้องรอกระบวนการภายใน
สำหรับสูตรรัฐบาลชุดใหม่ที่มีพลังประชารัฐเป็นแกนนำ ยังคงคุมเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังนั่งรองนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม และมีนายอุตตม สาวนายน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ส่วน 2 พรรคที่เป็นตัวแปรสำคัญ ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย แม้ยังไม่แสดงท่าทีชัดเจน แต่มีแนวโน้มจะได้จัดสรรพรรคละ 6-7 เก้าอี้ โดยประชาธิปัตย์ ขอโควตากระทรวงเกษตรฯ และพาณิชย์ ส่วนภูมิใจไทย ขอดูสาธารณสุข สานต่อนโยบายกัญชา
ต้องจับตาพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งเดิมมีข่าวได้ที่นั่งกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ แต่มีรายงานว่า ขอต่อรองกระทรวงเกษตรฯ ที่เคยดูแลมาต่อเนื่อง
ขณะที่พรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคชาติพัฒนา น่าจะลงตัวที่กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน
ส่วนท่าทีภูมิใจไทย วันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เข้ารายงานตัว ระหว่างนั้นพบกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่พูดชัด ขอให้มาร่วมงานกับฝั่งประชาธิปไตยด้วยกัน โดยพร้อมมอบเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและกระทรวงคมนาคมให้ แต่ไม่มีเสียงตอบรับ นอกจากเสียงหัวเราะ
สำหรับความชัดเจน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แจงได้ติดตามกระแสโซเชียล และฟังเสียงประชาชนโดยตรง แต่ยังมีเวลาตัดสินใจ ย้ำยังไม่ได้คุยกับใคร เพราะเจียมตัวว่าเป็นพรรคอันดับ 5 ไม่ใช่พรรคใหญ่ ต้องทำตามมารยาททางการเมือง
แม้มีโผ ครม.ออกมาเป็นระยะ แต่ท่าทีการเมืองขั้วที่ 3 ที่ยังถูกตอกย้ำจากหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ดังนั้น รัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ จะนิ่งและชัดเจน ต่อเมื่อมีประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ออกมาให้สัตยาบัน. – สำนักข่าวไทย