สน.ทุ่งสองห้อง 2 พ.ค.-“คารม” นำทีมว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ และผู้สมัครของพรรค เข้าแจ้งความ “ศรีสุวรรณ” ในข้อหากระทำการอันเป็นเท็จ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิด และกลั่นแกล้งให้ผู้สมัคร ส.ส.ถูกเพิกถอนสิทธิในการลงรับสมัครรับเลือกตั้ง ลั่นยินดีให้ตรวจสอบแต่ขอให้มีหลักฐานชัดเจน
นายคารม พลพรกลาง ว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ นำว่าที่ ส.ส. และผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่ จำนวน 11 คน ประกอบด้วย 1.นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2.นายวินท์ สุธีรชัย ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3.นายคารม พรหมพรกลาง ว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4.นายวรภพ วิริยะโรจน์ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 5.นายวรกร ฤทัยวาณิชกุลผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 6.นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 7.นายหรินทร์ ยุวรัตนาพร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 8.น.ส.นรีรัตน์ สุขวรรณรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 สระบุรี 9.นายวีระชน นามประกาย ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 สกลนคร 10.นานปิยเมษฐ ประณีตพลกรัง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 14 นครราชสีมา และ 11.น.ส.กัลยารัตน์ กิตติกัลยานนท์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 10 ขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ในข้อหากระทำการอันเป็นเท็จ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิด และกลั่นแกล้งให้ผู้สมัคร ส.ส.ถูกเพิกถอนสิทธิในการลงรับสมัครรับเลือกตั้ง ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือ ไม่ได้รับการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 143 วรรค 2
นายคารม กล่าวว่า สืบเนื่องจากวันที่ 29 เมษายน 2562 นายศรีสุววรณ ได้ยื่นหนังสือเพื่อขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร และว่าที่ ส.ส.ของพรรค จำนวน 11 คนว่ามีคุณสมบัติเกี่ยวกับเรื่องการถือหุ้น หรือเป็นเจ้าของสื่อมวลชนใด ๆ สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กรณีของตน ตนไม่อยู่ในลักษณะต้องห้าม เนื่องจากบริษัทสำนักพิมพ์สามพอ เป็นบริษัทตนจริง และตนเคยถือหุ้นจริง แต่บริษัทนี้ไม่เคยประกอบกิจการ ตอนที่เปิดมาต้องการพิมพ์หนังสือ แต่ไม่ใช่สื่อมวลชน ประเด็นต่อมา คือ บริษัทดังกล่าว มีการชำระบัญชีก่อนปิดบริษัทไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2556 2.บริษัทที่ไม่มีการประกอบกิจการใด ๆ หรือบริษัทร้าง ที่นายทะเบียนตัดชื่ออกไปแล้ว 3.มีการขายหุ้นออกไป โดยมีการจดทะเบียน แต่อาจจะยังมีชื่อปรากฎในบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น หากเป็นห้างหุ้นส่วน แต่กรณีที่เป็นบริษัท อาจมีชื่อในหนังสือรับรอง
“เรายินดีให้ทุกคนตรวจสอบ แต่ที่มีปัญหา เพราะในหนังสือรับรองที่นายศรีสุววรณ กล่าวอ้าง มีการระบุว่ามีการชำระบัญชีไปแล้ว หากเป็นนักกฎหมาย ต้องรู้ว่ามีแบบ รช.1 ปรากฎอยู่ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาจงใจ หรือ เลินเล่อ แม้ว่าเขาบอกว่าจะตรวจสอบ แต่ก็บอกว่าไม่ต้องการประกาศรายชื่อ และพูดในเชิงว่าผู้สมัครทุกท่านที่รู้ตัวว่าไม่มีคุณสมบัติ ยังมาลงสมัครนั้นผิดกฎหมาย ซึ่งความจริงที่ปรากฎก็ชัดเจนว่าบริษัทหมดสภาพไปโดยสมบูรณ์แบบ ไม่มีทางฟื้นมาเป็นบริษัทได้อีก” นายคารม กล่าว
นายคารม กล่าวด้วยว่า ขณะที่บริษัทที่ไม่มีการประกอบการใด ๆ ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวมานานกว่า 5 ปี ทำให้เกิดความสงสัยว่านายศรีสุวรรณ ทำงานให้เป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ หรือมีสาเหตุอะไร จึงต้องทำเช่นนี้
“สิ่งที่คุณตรวจสอบว่าคนเหล่านี้หมิ่นเหม่ แต่โทษที่พวกเขาจะได้รับนั้นสูงมาก ทั้งจำคุก โทษปรับ และตัดสิทธิ์ ทางการเมือง” นายคารม กล่าว
นายคารม กล่าวอีกว่า การยื่นตรวจสอบเรื่องการถือหุ้นสื่อของนายศรีสุวรรณ เป็นการกระทำที่เกินเลย และไม่มีกฎหมายรองรับ ถือเป็นการกลั่นแกล้งให้ผู้สมัคร ส.ส.ต้องขาดคุณสมบัติ ทั้งนี้ แม้จะสามารถยื่นฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทและการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์เพิ่มได้ แต่พรรคอนาคตใหม่จะยังไม่ขอดำเนินการ และขอใช้สิทธิในการปกป้องชื่อเสียงตามกฎหมายการเลือกตั้งก่อน ซึ่งหากนายศรีสุวรรณกระทำผิดจริง ก็มีโทษทั้งจำคุก ปรับ และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง.-สำนักข่าวไทย