กกต. 1 พ.ค.-กกต. มีมติสั่งให้ผู้สมัครพรรคประชาชาติ 6 ราย ขาดคุณสมบัติ ส่วนกรณี “ธนาธร” ยืนยัน กกต.ทำตามกฎหมาย
นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวว่าวันนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้พิจารณากรณีผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้งได้มีหนังสือขอให้ กกต. พิจารณาวินิจฉัยว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัคร เนื่องจากเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองในขณะเดียวกันเกินกว่า 1 พรรคการเมือง เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 24 ประกอบมาตรา 29(5) เป็นเหตุให้ต้องสิ้นสุดสมาชิกภาพทุกพรรคการเมือง ที่ซ้ำซ้อนตามมาตรา 27 (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ส่งผลให้เป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งเป็น ส.ส.ตามมาตรา 41 (3) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 เนื่องจากไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่เพียงพรรคการเมืองเดียว
โดยคณะกรรมการพิจารณาแล้วมีมติเห็นว่า ผู้สมัครรับเลือกตั้ง จำนวน 6 ราย เป็นผู้ขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และมิให้นำคะแนนที่ผู้สมัครนั้นได้รับไปใช้ในการคำนวณตามมาตรา 128 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 โดยผู้สมัครรับเลือกตั้งประกอบด้วย
1.นางทัศนีย์ ชลายนเดชะ พรรคประชาชาติ หมายเลข 11 เขตเลือกตั้งที่ 15 กทม.
2.นายวิโรจน์ วัฒนากลาง พรรคประชาชาติ หมายเลข 5 เขตเลือกตั้งที่ 6 จ.นครราชสีมา
3.นายอิทธิศักดิ์ ปาทาน พรรคประชาชาติ หมายเลข 1 เขตเลือกตั้งที่ 5 จ.บุรีรัมย์
4.นายเกริกชัย พลชา พรรคประชาชาติ หมายเลข 23 เขตเลือกตั้งที่ 2 จ.บึงกาฬ
5.นายประหยัด พิมพา พรรคประชาชาติ หมายเลข 14 เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.อุดรธานี
6.นายอฤเดช แพงอะมะ พรรคประชาชาติ หมายเลข 25 เขตเลือกตั้งที่ 3 จ.อุดรธานี
นอกจากนี้รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยังกล่าวถึงกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวหาทาง กกต.ทำงานข้ามขั้นตอนและเข้าข้างผู้ร้อง ยืนยัน กกต.ทำตามกฎหมาย ซึ่งจะดำเนินการวินิจฉัยได้ก็ต้องประกอบไปด้วยกรณีมีเหตุสงสัย มีความปรากฏ และมีผู้ร้อง การที่กฎหมายออกมาแบบนี้คือคุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐแต่ยังให้สิทธิในการชี้แจง ซึ่งการพิจารณาของกฎหมายการเลือกตั้งนั้น แค่มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ซึ่งไม่เหมือนกับการพิจารณาในคดีอาญา
ส่วนกรณีที่นายธนาธร ตั้งข้อสังเกตว่าตนเองโดนแจ้งข้อกล่าวหาว่าถือหุ้นสื่อนี้เป็นการแทรกแซงทางการเมืองนั้น นายแสวง กล่าวว่าขอให้หาหลักฐานมาว่า กกต.โดนแทรกแซงทางการเมืองอย่างไร พร้อมกันนี้ ได้กล่าวถึงการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งว่า ยืนยันว่าจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งและเปิดสูตรคำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ก่อนวันที่ 9 พ.ค.นี้แน่นอน
ส่วนกรณีที่มีคำร้องเกี่ยวกับผู้สมัครรับเลือกตั้งถือครองหุ้นสื่อจำนวนมาก ซึ่งความผิดจะมีผลไปถึงพรรคการเมืองหรือไม่ว่า ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ กกต.ซึ่งในชั้นของผู้สมัคร ส.ส.นั้นหากรู้ทั้งรู้ว่ามีความผิดก็ต้องดำเนิคดีกันไปตามกฎหมาย แต่ในส่วนของพรรคการเมืองที่มีการรับรองนั้นต้องดูในกฎหมายพรรคการเมืองว่ามีรายละเอียดความผิดอะไรหรือไม่.-สำนักข่าวไทย