กรุงเทพฯ 30 เม.ย. – กฟผ.-ปตท.พร้อมร่วมมือแก้ไขปัญหาปาล์มตกต่ำ ทั้งใช้ผลิตไบโอดีเซล และเผาผลิตไฟฟ้า โดยควรใช้หลักเกณฑ์เดิม คือ งบกองทุนส่งออกฯ และ PSA เพื่อไม่ให้กระทบค่าไฟ
นายวิบูลย์ ฤกษ์ศิระทัย ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า กฟผ.พร้อมจะร่วมโครงการภาครัฐแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ เพื่อนำปาล์มไปใช้ผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าบางปะกงอีก 100,000 ตัน จากที่ได้รับซื้อไปแล้ว 160,000 ตัน ส่วนที่กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้ซื้อเพิ่มเป็น 200,000 ตันนั้น ยังไม่ทราบเรื่อง โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนในการประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) วันที่ 2 พฤษภาคม 2562 อย่างไรก็ตาม งบประมาณการรับซื้อ ทาง กฟผ.คาดว่าจะเป็นรูปแบบเช่นเดิมที่รับซื้อ 160,000 ตัน คือ ส่วนหนึ่งมาจากเงินกองทุนส่งเสริมการส่งออกกระทรวงพาณิชย์ และอีกส่วนหนึ่งเป็นงบฯ รายจ่ายเพื่อสังคม (PSA) ซึ่งจะไม่กระทบต่อผลดำเนินการของ กฟผ. และค่าไฟฟ้า
ทั้งนี้ หากรับซื้อเพิ่ม กฟผ.ก็จะต้องปรับแผนการผลิตเพื่อนำไปผสมผสานกับก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าบางปะกงเพิ่มขึ้น จากล่าสุดใช้ประมาณ 1,500 ตัน/วัน ก็อาจจะเพิ่มเป็น 2,000 ตัน/วัน ส่วนราคารับซื้อปาล์มคงขึ้นอยู่กับ กนป.จะกำหนดแนวทางรับซื้ออย่างไร
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือพีทีที โออาร์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ผลปาล์มล้นตลาด ทำให้ราคาปาล์มตกต่ำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 กระทรวงพลังงานจึงกำหนดมาตรการเพื่อช่วยพยุงราคาน้ำมันปาล์มด้วยการออกนโยบายเพิ่มปริมาณการใช้ไบโอดีเซล บี 100 ในภาคพลังงาน ซึ่งพีทีที โออาร์ ได้สนองตอบต่อนโยบายดังกล่าวอย่างจริงจังด้วยการส่งเสริมการจำหน่ายน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล บี 100 ในสัดส่วนที่เพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ ได้แก่ น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 3 บี 5 บี 7 จนถึงบี 10 และบี 20 ในปัจจุบัน อีกทั้งยังได้ช่วยดูดซับน้ำมันปาล์มดิบที่ล้นตลาดด้วยการรับซื้อไบโอดีเซลบี 100 มาเก็บสำรองไว้รวมกว่า 100 ล้านลิตร
นับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบันพีทีที โออาร์ ใช้น้ำมันปาล์มดิบไปแล้วกว่า 2.3 ล้านตัน เพื่อผลิตเป็นไบโอดีเซลบี 100 กว่า 2,600 ล้านลิตร ซึ่งคิดเป็นปริมาณถึงร้อยละ 35 ของการใช้น้ำมันปาล์มดิบในภาคเชื้อเพลิงทั้งหมดของประเทศ และนำมาผลิตเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซลบี 100 ในสัดส่วนต่าง ๆ เพื่อจำหน่ายไปแล้วกว่า 45,800 ล้านลิตร
“พีทีที โออาร์ คาดว่าหากค่ายรถยนต์ให้การรับรองการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซล บี 100 ในสัดส่วนที่สูงขึ้นจะทำให้ผู้ใช้รถเกิดความมั่นใจและมีความต้องการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่มีส่วนผสมของไบโอดีเซลบี 100 ในปริมาณสูงขึ้นด้วย และคาดจะทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นเป็น 700,000 ตันต่อปี หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 40 จากปริมาณการใช้ของปี 2561 ซึ่งอยู่ที่ 490,000 ตันต่อปี” นางสาวจิราพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย