กทม. 29 เม.ย.-พล.อ.ประวิตร ตั้ง พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย เป็นหัวหน้าชุดแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ย้ำกระบวนการลดความเหลื่อมล้ำยังเดินหน้าเข้มข้นต่อไป
พลตำรวจโทปิยะ อุทาโย ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้ตนเองเป็นหัวหน้าชุดแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งแต่เดิมก็อยู่ในคณะทำงานเดิม เป็นรองผู้อำนวยการศูนย์เรื่องแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอยู่แล้ว ส่วน พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ หักพาล เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ ตอนนี้รองนายกรัฐมนตรีมอบให้ตนเองควบตำแหน่งทั้งรองหัวหน้าศูนย์ และหัวหน้าปฏิบัติการ ด้วย และคณะทำงานยังเป็นทีมงานชุดเดิม โดยปัญหาเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการเป็นลำดับแรกมี 2 เรื่อง คือ เดินหน้าคืนโฉนด และแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ลดความเหลื่อมล้ำและรังแกประชาชนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการสร้างหนี้นอกระบบ คิดอัตราดอกเบี้ยแพงเกินกำหนด และในรูปแบบเงินกู้ฉ้อโกงประชาชน ยึดโฉนดที่ดินที่ประชาชนมาค้ำประกันไปเป็นของตนเอง
ขณะนี้เรากำลังจัดหาโครงข่ายที่สำคัญ ซึ่งมีหลายกลุ่ม เชื่อมโยงเส้นทางการเงินต่างๆ เพื่อขุดรากถอนโคน หาตัวการใหญ่กลุ่มต่างๆ เพื่อตัดวงจรทลายแหล่งปล่อยเงินทุน ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีแล้ว แต่ได้รับการประกันตัวออกมาก่อเหตุพฤติกรรมซ้ำซากนั้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ขอความร่วมมือ จาก ป.ป.ง. สรรพากร หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เอาผิดในข้อกฎหมายต่างๆ ทั้ง พ.ร.บ.ฟอกเงิน เร่งยึดทรัพย์
ทั้งนี้ไม่หนักใจที่ได้รับหน้าที่นี้ รู้สึกภาคภูมิใจมากกว่า เชื่อว่าทุกคนเต็มใจเมื่อได้รับมอบหมาย ส่วนตัวเป็นตำรวจที่เติบโตมาจากพื้นที่พบเห็นปัญหาหลายอย่าง มั่นใจในทีมงานใช้ชุดเดิมหมด ซึ่งมีพลตำรวจเอก รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นห้วหน้าทีม และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังดูแลเต็มที่ พลเอกประวิตร ผู้มอบนโยบาย ให้ประสานงานทุกกระทรวงให้ความร่วมมือเต็มที่
พร้อมย้ำกระบวนการลดความเหลื่อมล้ำยังเดินหน้าเข้มข้นต่อไป แม้วิธีการอาจปรับเปลี่ยนไปตามสไตล์ผู้ที่ได้รับมอบหมาย เรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล เราจะร่วมงานกับหน่วยงานทุกส่วน ในการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างครบวงจร ขอให้มั่นใจรัฐบาลได้ยึดแนวทางนี้ในการดูแลประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติแม้เปลี่ยนเจ้าหน้าที่ปฏิบัติอย่างไร แต่เจตนารมณ์ไม่เคยเปลี่ยน จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น ประชาชนสามารถใช้ สายด่วน 1155 หรือ แจ้งศูนย์ดำรงธรรม สถานีตำรวจทั่วประเทศได้ เราจะแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและดูแลประชาชนต่อเนื่องต่อไป.-สำนักข่าวไทย