กรมศิลป์ฯจัดเวทีเสวนาเผยเกร็ดความรู้พระราชพิธีบรมราชาภิเษก

พระนคร 25 เม.ย.-กรมศิลปากร จัดเสวนาเสวยราชสมบัติกษัตรา เผยเกร็ด ความรู้พระราชพิธีบรมราชาภิเษกจากอดีตถึงปัจจุบัน เล่าที่มาพิธีศักดิ์สิทธิ์ในโอกาสมหามงคลของคนไทย


พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร กรมศิลปากร ร่วมกับบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) จัดงานสโมสรศิลปวัฒนธรรมเสวนา“เสวยราชสมบัติกษัตรา”เนื่องในโอกาสมหามงคลของปวงชนชนชาวไทยในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยภายหลังการเสวนาได้นำชมศิลปวัตถุอันเกี่ยวเนื่อง ด้วยสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชในอดีต ได้แก่ พระที่นั่งอิศเรศราชานุสรณ์ เพื่อดูพระเเท่น ,พระที่นั่งพรหมเมศธาดา ที่รวมตาลปัตร พัดรองที่ระลึกงาน  พระบรมราชาภิเษก ,พระที่นั่งอุตราภิมุข ที่รวบรวมผ้าอาภรณ์ต่างๆ , พระที่นั่งปัจฉมาภิมุข มีพระสุพรรณบัฎเเละพระที่นั่งวสันตพิมาน


นายชัชพล ไชยพร รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า หากมองพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในอดีตพบว่ามีหลายรัชกาลที่ไม่ได้มีพิธีบรมราชภิเษกเเค่ครั้งเดียว อย่างที่น่าสนใจคือในสมัยรัชกาลที่ 6 มีพิธีบรมราชาภิเษกถึง 2 ครั้ง ซึ่งมีวิธีคิดที่เเตกต่างกัน คือในปี พ.ศ.2453 ทรงตั้งชื่อพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเฉลิมพระราชมณเฑียร เป็นการทำพิธีเฉพาะภายในพระบรมมหาราชวัง และ พ.ศ.2454 ครั้งนี้เชิญราชสัมพันธ มิตรจาก 14 ประเทศ มาเป็นสักขีพยาน เพราะมองเป็นโอกาสในการอวดเกียรติภูมิ ซึ่งถือเป็นประเทศเเรกในเอเชีย ที่ทูตเเละเเขกจากต่างประเทศมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ทำให้สยามประเทศได้เป็นที่รู้จักสะท้อนถึงความเป็นเอกราชของไทย ซึ่งเเนวคิดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากพระองค์ได้ทอด พระเนตรเห็นพิธีบรมราชภิเษกในหลายประเทศ เเละนำบางรายละเอียดมาปรับในพระราชพิธี นำคติของสยามมารวมกับคติของต่างชาติ คติพราหมณ์เพื่อสร้างจุดเชื่อมสำคัญ อย่างกรณีพิธีสรงน้ำพระมุรธาภิเษก ถือเป็นพิธีสำคัญในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อตัวเเทนต่างชาติเข้ามา ร่วมพิธีในขณะนั้นยังไม่เข้าใจ เเต่เข้าใจชัดเจนมากขึ้นเมื่อพระมหากษัตริย์ทำพิธีสวมมงกุฎ เป็นต้น ซึ่งภาพรวมหลังเสร็จพิธีได้รับการชื่นชมเเละเสียงตอบรับที่ดีมากจากชาวต่างชาติ ทำให้ไทยทัดเทียมนานาอารยะประเทศ


ด้าน น.ส.พัสวีศิริ เปรมกุลนันท์ อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวว่า หมู่พระมหามณเฑียร สถานที่ที่ใช้ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อดูสถาปัตยกรรม เป็นการออกเเบบทำหลังคาซ้อนชั้น ถือเป็นเรือนที่มีฐานันดรสูงใช้กับสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายในมีพระที่นั่งสำคัญๆ ซึ่งใช้ประกอบพระราชพิธี  บรมราชาภิเษก อาทิ พระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ พระที่นั่งภัทรบิฐ พระที่นั่งบุษบกมาลามหาจักรพรรดิพิมาน พระเเท่นมหาเศวตฉัตร และพระเเท่นราชบรรณจถรณ์ หรือที่บรรทมของพระมหากษัตริย์ โดยมีนพปฎลมหาเศวตฉัตรอยู่ด้านบน ซึ่งการทำพิธีจะต้องบรรทม 1 คืนโดยท่าพระบรรทมคือต้องลงบรรทมตะเเคงขวา 

ขณะที่เครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ ประกอบด้วยสิ่งของ 5 องค์ ได้แก่พระมหาพิชัยมงกุฎหรือมงกุฎทองคำ น้ำหนักกว่า 7.3 กิโลกรัม หมายถึง ความเป็นพระประมุขสูงสุขของแผ่นดินเเละพระราชภาระอันหนักอึ้งที่ต้องเเบกรับ , พระเเสงขรรค์ชัยศรี เปรียบเป็นพระราชศาตราวุธ , ธารพระกร   แสดงถึงพระมหากษัตริย์ทรงครองราชย์โดยธรรม ,วาลวีชนี พัดเเส้ แสดงถึงพระราชภารกิจที่คอยปัดเป่าความทุกข์ บำรุงความสุขให้ไพร่ฟ้าประชาชน เเละฉลองพระบาทเชิงงอน

ขณะที่นายนนทพร อยู่มั่งมี อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษย์ศาสตร์เเละสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า คติของพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของไทยมีรากมาจากอินเดียในพิธีราชสุริยะ พิธีจะเน้นที่การรดหลั่งน้ำ โดยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ต้องมาจาก 4 สระและแม่น้ำ 5 สาย ได้แก่ เเม่น้ำป่าสัก เเม่น้ำราชบุรี เเม่น้ำเจ้าพระยา เเม่น้ำเพชรบุรีเเละเเม่น้ำบางประกง จากนั้นทำพิธีพลีกรรมตักน้ำศักดิ์ โดยนำน้ำอภิเษกใส่ในพระเต้าต่าง ๆ ซึ่งพระเต้าที่สำคัญสุดคือพระเต้าเบญจคัพย์ สำหรับพิธีตักน้ำ ในรัชกาลปัจจุบันเพิ่มตักน้ำจากทั่วทุกจังหวัดด้วย จากเดิมที่รัชกาลที่ 5 ใช้น้ำจากอินเดีย ส่วนรัชกาลต่อ ๆ มาใช้น้ำในไทยสะท้อนการปกครองที่เเผ่กระจายไปทั่วอาณาเขต , ต่อมาพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ       เเละเเกะตราพระราชลัญจกรประจำรัชกาล ซึ่งต้องมีพระฤกษ์ ในพิธีต้องมีสงฆ์เเละพราหมณ์ เเละมีบรรดาเสนามาร่วมในพิธี ก่อนจะเข้าสู่พิธีจริง 

นายธีรพันธุ์ จันทร์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ผู้เชี่ยวชาญด้านอยุธยาอาภรณ์ กล่าวว่า อาภรณ์ในพระราชพิธีครั้งนี้ ทั้งผ้าเขียนทอง ผ้ายกทอง ฉลองพระองค์ครุยกรองทอง เเละผ้าภูษาทรงต่างๆ  เป็นครั้งเเรกที่ไทยทำขึ้นเอง ไม่ได้สั่งจากอินเดียเหมือนในอดีต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน

ภาคกลางเริ่มกระทบ น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านประชาชน

น้ำเจ้าพระยาล้นข้ามถนนเข้าท่วมบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ส่วนชุมชุนริมท่าน้ำปากเกร็ด เริ่มกระทบ