ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินอดีต 4 รมต. พปชร. หลังพ้นตำแหน่ง

ป.ป.ช. 25 เม.ย.- ป.ป.ช.เปิดบัญชีทรัพย์สินอดีต 4 รมต. พปชร. หลังพ้นตำแหน่ง พบ “สนธิรัตน์” รวยขึ้น 31 ล้าน “อุตตม”  เพิ่ม 9 ล้าน ด้าน “สุวิทย์-กอบศักดิ์” จนลง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 เม.ย.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 30 มกราคม 2562จำนวน 4 ราย ได้แก่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์  อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ , นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 


นายอุตตม สาวนายน และคู่สมรส แจ้งว่า แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 223,700,457 บาท หนี้สินรวม 2,830,290 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 220,870,167 บาท โดยทรัพย์สินในส่วนของนายอุตตม แบ่งเป็นเงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 17,093,556 บาท เงินลงทุน 37,000,862 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 20,000,000 บาท ที่ดิน 45,000,000 บาท ยานพาหนะ 10,600,000 บาท ไม่มีทรัพย์สินอื่น รวมทรัพย์สินของนายอุตตมทั้งหมด 129,994,419 บาท 

ส่วนทรัพย์สินของนางอิชยา สาวนายน คู่สมรส แบ่งเป็นเงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 6,851,449 บาท เงินลงทุน 62,054,588 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 4,000,000 บาท ที่ดิน 12,200,000 บาท ยานพาหนะ 7,100,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 1,200,000 บาท รวมทรัพย์สินของนางอิชยา 93,706,038 บาท มีหนี้สิน 2,830,290 บาท  เป็นหนี้สินจากเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับครั้งเข้ารับตำแหน่งที่แจ้งว่ามีทรัพย์สิน ทั้งหมด 207,495,698 บาท   เท่ากับว่านายอุตตมและคู่สมรส มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 13,374,469 บาท   


นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ไม่มีคู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 144,401,978 บาท ไม่มีหนี้สิน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 144,401,978 บาท แบ่งเป็นเงินสด 300,000 บาท เงินฝาก 1,029,107 บาท เงินลงทุน 80,742,871 บาท สิทธิและสัมปทาน 2,000,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 60,630,000 บาท โดยทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ อาทิ พระเครื่อง จำนวน  32 รายการ มูลค่ากว่า 30,000,000 บาท เช่น พระสมเด็จเกศไชโย 2 องค์ มูลค่า 2,000,000 บาท พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ใหญ่ 3,000,000 บาท พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง 2,000, 000  บาท พระปิดตา หลวงพ่อแก้ว วัดเคลือวัลย์ 3,000,000 บาท และพระท่ากระดาน กาญจนบุรี 2,000,000 บาท   นอกจากนั้น ยังมีเครื่องประดับอีกกว่า 34 รายการ มูลค่ากว่า 30,000,000 บาท อาทิ แหวนเพชร 2,200,000 บาท แหวนเพชรตรงกลางด้านล่างเป็นไพลิน  2,100,000 บาท แหวนทับทิมเจีย ล้อมเพชร 1,100,000 บาท  และ ต่างหูเพชรเดี่ยว 3,300,000 บาท  

ทั้งนี้ หากเทียบกับเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งที่แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 113,227,926 บาท ไม่มีหนี้สิน  จะเท่ากับว่านายสนธิรัตน์มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 31,174,052 บาท

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ไม่มีคู่สมรส แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 25,647,680 บาท หนี้สิน 5,636,236 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 20,009,443 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 5,204,828 บาท เงินลงทุน 4,598,233 บาท ที่ดิน 10,605,150 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 3,000,000 บาท  ส่วนหนี้สินเป็นเงินกู้จากธนาคารและสถาบันการเงินอื่น 

ทั้งนี้ หากเทียบกับเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งที่แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 29,320,171 บาท มีหนี้สิน 6,316,092 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 23,005,078 บาท เท่ากับว่านายกอบศักดิ์ มีทรัพย์สินลดลง 2,995,635 บาท

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ และคู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 97,070,000 บาท หนี้สินรวม 10,300,000 ล้านบาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 86,770,000 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 1,858,545 บาท เงินลงทุน 2,863,425 บาท ที่ดิน 16,392,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 34,012,816 บาท สิทธิและสัมปทาน 339,000 บาท และทรัพย์สินอื่น 26,525,000 บาท  เป็นเอกสารชุดเดียวกับที่นายสุวิทย์ได้ยื่นกรณีเข้ารับตำแหน่ง  ส่วนใหญ่เป็นวัตถุโบราณ รวม 134 รายการ อาทิ กลองลองซอง มูลค่า 500,000 บาท  คานโบราณ 200,000 บาท  กระเบื้องเขมร 200,000 บาท  ชิ้นส่วนเสลี่ยงโบราณ 200,000 บาท  เทวรูปอินเดีย 4 รายการ 1,000,000 บาท  ตลับใส่ของโบราณ 5 ชิ้น 300,000 บาท  พระพุทธรูป ทวารวดี 400,000 บาท   พระพุทธรูปเขมร 500,000 บาท  หนุมานเขมร 4 รายการ มูลค่ากว่า 1,100,000 ล้านบาท  ศิวลึงค์เขมร มูลค่า 100,000 บาท   รูปปั้นควายสำริด 200,000 บาท และพระพุทธรูปลาว 1,500,000 บาท   นอกจากนี้ ยังมีนาฬิกา(ไม่ระบุยี่ห้อ) 7 เรือน มูลค่า 600,000 บาท ทองคำแท่ง 8 แท่ง 900,000 บาท พระเครื่อง 11 องค์ ส่วนหนี้สินเป็นการกู้ยืมกับน.ส.เจีย เมษินทรีย์ พี่สาว จำนวน 10,000,000 บาท ในอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 3 มีการทำสัญญา 11 มิ.ย.2560

ขณะที่ นางผกากรอง เมษินทรีย์ คู่สมรส แจ้งว่ามีเงินฝาก 610,006 บาท เงินลงทุน 200,000 บาท ที่ดิน 6,170,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 997,229 บาท ยานพาหนะ 1,500,000 ทรัพย์สินอื่น 5,400,000 บาท  ที่น่าสนใจ อาทิ ชุดเครื่องประดับในกล่อง ประกอบด้วย ตุ้มหู 5 คู่ แหวน 28 วง เข็มกลัด 4 ชิ้น มูลค่า 2,000,000 บาท  และทับทิม อีก 37 เม็ด

ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับครั้งเข้ารับตำแหน่งที่แจ้งว่ามีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 90,836,749 บาท เท่ากับว่า นายสุวิทย์และคู่สมรส มีทรัพย์สินลดลง 4,066,749 บาท       ..- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]