กรุงเทพฯ 18 เม.ย.- กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมหารือวางมาตรการจัดการขยะพลาสติก ตามร่างโรดแมปที่ ครม.เห็นชอบ ในวันจันทร์ที่ 22 เมษายนนี้ พร้อมเดินหน้าทำความเข้าใจประชาชนและผู้ประกอบการให้ลดและเลิกใช้วัสดุจากพลาสติก
หลัง ครม.มีมติเห็นชอบร่างโรดแมปการจัดการขยะพลาสติก พ.ศ.2561-2573 เพื่อลดใช้พลาสติก โดยตั้งเป้าลดและเลิกใช้พลาสติก 3 ชนิด ภายในปีนี้ ได้แก่ พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม พลาสติกผสมสารอ็อกโซ และไมโครบีดส์ และเลิกใช้พลาสติกอีก 4 ชนิด ภายในปี 2565 ได้แก่ พลาสติกหูหิ้วที่มีความหนาน้อยกว่า 36 ไมครอน กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติกแบบบางใช้ครั้งเดียว และหลอดพลาสติก อธิบดีกรมควบคุมมลพิษบอกว่า ที่ผ่านมามีการรณรงค์สร้างความเข้าใจกับประชาชนและผู้ประกอบการให้ใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด บางแห่งเริ่มเปลี่ยนมาใช้กระดาษและพืชทางการเกษตรแทนพลาสติกแล้ว
การจัดการขยะพลาสติกตามร่างโรดแมปทั้ง 7 ชนิดต่อจากนี้ จะมีมาตรการแบ่งเป็น 3 แนวทาง ทั้งในส่วนของการผลิต ส่งเสริมให้ใช้วัสดุทดแทนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างความเข้าใจผู้บริโภคให้ลดและเลิกใช้พลาสติก และบังคับใช้กฎหมายจัดการขยะอย่างเข้มงวด โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะหารือร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกมาตรการที่ชัดเจนอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 22 เมษายนนี้
ก่อนหน้านี้มีหลายหน่วยงานในภาครัฐและภาคเอกชน ที่นำร่องลดการใช้พลาสติกมาก่อนแล้ว เช่น บริษัทเอกชนผู้ลิตน้ำดื่ม ที่ร่วมกันประกาศเลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำ ซึ่งกลายเป็นขยะกว่า 2,600 ล้านชิ้น/ปี
มหาวิทยาลัยต่างๆ ก็ลดการใช้พลาสติก อย่างที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โรงอาหาร 7 แห่งจากทั้งหมด 17 แห่ง นำร่องใช้แก้วพลาสติกชีวภาพที่ทำจากอ้อยและน้ำตาล สามารถย่อยสลายได้ภายใน 180 วัน
เช่นเดียวกับโรงพยาบาล ที่ลดใช้ถุงพลาสติกจ่ายยาให้ผู้ป่วยนำถุงผ้ามาใส่ยาตามที่แพทย์สั่งแทน ตัวอย่างที่โรงพยาบาลนครปฐม การลดใช้ถุงพลาสติกจ่ายยาให้ผู้ป่วย นอกจากช่วยขยะแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อถุงพลาสติกของโรงพยาบาลได้ถึงปีละ 700,000 บาท สามารถนำเงินส่วนนี้ไปพัฒนาโรงพยาบาลในด้านอื่นๆ ได้อีก
สำหรับร่างโรดแมปกรอบนโยบายในการบริหารจัดการขยะพลาสติกในภาพรวมของประเทศ ที่กำหนดให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมลดใช้วัสดุพลาสติก คาดว่าจะลดปริมาณขยะพลาสติกได้กว่า 780,000 ตัน/ปี ช่วยประหยัดงบประมาณจัดการขยะมูลฝอยได้ 3,900 ล้านบาท/ปี.-สำนักข่าวไทย