สธ.17เม.ย.–กรมแพทย์แผนไทย รับ ‘อ.เดชา’ ผ่านหลักเกณฑ์เป็นหมอพื้นบ้าน ด้วยคุณสมบัติไม่หวงวิชา เตรียมพิจารณารับรอง 1-2 สัปดาห์นี้ ส่วนเรื่องการวิจัยกัญชา จะมีการหารือพรุ่งนี้ ร่วมกับคณะเภสัช จุฬาฯ
นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมด้วย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต น.ส.รสนา โตสิตระกูล กรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี (ไบโอไทย) และเภสัชกรยงศักดิ์ ตันติปิฎก กรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย เข้าหารือร่วมกับ นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ถึงการขึ้นทะเบียนเป็นหมอพื้นบ้าน โดยใช้เวลาในการหารือนานเกือบ 3 ชั่วโมง
นพ.มรุต กล่าวว่า กรณีรับรองอาจารย์เดชาเป็นหมอพื้นบ้านนั้น พบว่ามีการใช้สมุนไพรอื่นๆในการรักษาโรคมานาน ก่อนจะมีการใช้กัญชาจึงได้มีการพิจารณาว่าอาจารย์เดชาเข้าข่ายเป็นแพทย์แผนไทย ซึ่งไม่ได้ดูในส่วนของการใช้กัญชาเพียงอย่างเดียว แต่ยึดหลักเกณฑ์ 8 ข้อ ตามระเบียบ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก(ฉบับที่2 ) พ.ศ.2555
โดยแพทย์แผนไทย ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้
1.มีผู้มารับบริการสม่ำเสมอและต่อเนื่องเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี
2.สืบทอดความรู้จากบรรพบุรุษหรือองค์ความรู้จากท้องถิ่น เป็นการสืบทอดในวิถีวัฒนธรรมชุมชน
3.มีความสามารถในการบำบัดรักษาโรค เช่น รู้จักโรค รู้จักยา
4.ไม่หวงวิชา ถ่ายทอดวิชาด้านความเมตตา
5.มีการถ่ายทอดความรู้ มีบทบาทในการถ่ายทอดความรู้
6.ไม่เรียกร้องค่ารักษามากเกินควร ไม่ดำเนินการเชิงธุรกิจ
7.เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับจากคนในชุมชน
และ8.มีคุณธรรม มีเมตตาช่วยเหลือเกื้อกูลชุมชน เป็นต้น
นพ.มรุต กล่าวว่า จากการพิจารณาคุณสมบัติของอาจารย์เดชา ถือว่าเข้าข่ายเป็นหมอพื้นบ้าน เด่นชัด ไม่มีการหวงวิชา หลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวน การขั้นตอนในการรับรองเป็นหมอพื้นบ้านตามขั้นตอน ซึ่งกรมฯได้มอบให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด(สสจ.)สุพรรณบุรีดำเนินการซึ่งต้องพิจารณาว่าได้เป็นหมอพื้นบ้านหรือไม่ภายใน1-2 สัปดาห์ หากผ่านจะเข้าสู่กระบวน การอบรมหมอพื้นบ้านระหว่างวันที่ 29-30 เมษายนนี้
ส่วนเรื่องของตัวน้ำมันกัญชาถ้าจะใช้ต่อ ต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย โดยต้องร่วมมือกับหน่วยงานวิจัย และมีโครางการวิจัย เพื่อดูทั้งความปลอดภัยและผลจากการใช้ ซึ่งเรื่องนี้จะมีการหารือในวันพรุ่งนี้ (18 เม.ย.) ตั้งแต่เวลา 09.00 น.ที่คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจะแถลงข่าวภายหลังหารือ
ด้านนายเดชา กล่าวว่า เรื่องกัญชานั้น เริ่มศึกษามาตั้งแต่ปี 2556 แต่เรื่องสมุนไพรอื่นๆทำมานานกว่า 10 ปีแล้วคือรางจืด สมุนไพรแก้พิษ ซึ่งมีหลักฐาน มีข้อมูลหมดจึงเข้าข่ายตามเกณฑ์หมอพื้นบ้านได้ ส่วนเรื่องกัญชามาทำภายหลัง และไม่เกี่ยวกับมูลนิธิ ซึ่งทำส่วนตัวเพราะห่วงว่าตัวเองจะป่วยเป็นมะเร็งเหมือนมารดาแต่พอทำมาเรื่อยๆ ก็เห็นมีประโยชน์จึงทำ และประสานกับทางวัด เพื่อแจกให้ผู้ป่วยประมาณ 5,000 คน แต่ก็ทราบดีว่าผิดกฎหมาย ซึ่งยอมทำเพราะคิดว่าหากทำเพื่อผู้ป่วย ในอนาคตเมื่อประชาชนเรียกร้องก็น่าจะแก้กฎหมายได้
อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่กระบวนการนิรโทษกรรมขอครอบครองกัญชาตามกฎหมายของสำนักงานคณะกรรมอาหารและยา(อย.) ขณะนั้นตนอยู่ต่างประเทศ และกำลังจะยื่นนิรโทษ แต่ไม่ทันถูกจับก่อน แต่ล่าสุดวันนี้(17 เม.ย.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปแจ้งนิรโทษครอบครองกัญชาแล้ว และคาดว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมายต่างๆ เพื่อให้ถูกต้องและพร้อมแจกน้ำมันกัญชาเพื่อประชาชนต่อไป .-สำนักข่าวไทย