สธ.10 เม.ย.-อย.แจ้งการครอบครองกัญชา ชี้กรณีมูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณ เป็นการดำเนินการของป.ป.ส.ไม่เกี่ยว อย. ขณะนี้อยู่ระหว่างการตีความ เป็นรายกรณี โดยการขออนุญาตครอบครอง แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ย้ำกรณีผู้มาขอนิรโทษกัญชา ถ้าไม่ได้เป็นผู้ป่วยหรือทำศึกษาวิจัยร่วมกับหน่วยงานรัฐ กัญชาดังกล่าวที่มาขอนิรโทษ ต้องตกเป็นของแผ่นดิน
ภญ.สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงข่าวชี้แจงกรณีกัญชา พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน กรณี ป.ป.ส.จับกุมมูลนิธิข้าวขวัญ สุพรรณ ว่าเรื่องการดำเนินการจับกุมไม่ได้เกี่ยวข้องกับทาง อย.โดย อย.ดำเนินการแค่เพียงรับการจดแจ้งเพื่อขอนิรโทษ ส่วนของผู้มาดำเนินการขอครอบครองกัญชา เป็นผู้ป่วย ส่วนกรณีมูลนิธิข้าวขวัญ ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินคดี และเป็นเรื่องการของการตีความทางกฎหมาย เป็นรายกรณีไป
ภญ.สุภัทรา กล่าวว่า ส่วนการตีความเรื่องขอนิรโทษกรรมเน้นเกี่ยวกับการเรื่องครอบครองเป็นหลัก แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 1.บุคคลที่มีโอกาสผลิต – ปลูก ต้องทำร่วมกับหน่วยงานของรัฐ 2.กลุ่มผู้ป่วยที่ใช้กัญชาในการรักษาโรค และ 3.กลุ่มที่ไม่มีโอกาสผลิตหรือปลูก โดยการขอนิรโทษไม่ต้องรับผิด แต่ของกลาง กัญชาหรือสารสกัดต้องตกเป็นของแผ่นดิน
ภญ.สุภัทรา กล่าวด้วยว่า สำหรับการขอนิรโทษครอบครองกัญชา 90 วัน สิ้นสุดในวัน 19 พ.ค.2562 ซึ่งเหลือเพียงแค่ 20 วัน ขณะนี้มีผู้มาขอครอบครองรวมแล้ว 1348 ราย แบ่งเป็นการขออนุญาตกับ อย.ส่วนกลาง 906 ราย ขออนุญาตกับสาธารณสุขจังหวัด 442 ราย ส่วนการออกกฎหมายลูกเพื่อรองรับ พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ(ฉบับที่7)พ.ศ.2562 มีรวม10ฉบับทุกฉบับผ่านการทำประชาพิจารณ์ โดย 3 ฉบับเป็นการนิรโทษ อีก 7 ฉบับ แบ่งเป็นการประกาศกระทรวงสาธารณสุข 2 ฉบับ ขณะนี้รอลงนามในราชกิจจาฯ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคุณสมบัติของแพทย์แผนไทย ตำรับยายาเสพติดให้โทษ ที่ให้เสพเพื่อการรักษา รวม 16 ตำรับ ส่วนอีก 5 ฉบับ แบ่งเป็น2ฉบับอยู่ระหว่างการดำเนินการ .-สำนักข่าวไทย