รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์ช่วงสงกรานต์

กรุงเทพฯ 5 เม.ย. – กรมการขนส่งทางบกจับมือเครือข่ายความร่วมมือ เดินหน้าโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ ไร้แอลกอฮอล์” เข้มข้นในช่วงสงกรานต์


นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ร่วมกับเครือข่ายความร่วมมือที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เดินหน้าโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ ไร้แอลกอฮอล์” ที่จะดำเนินการเข้มข้นในช่วงสงกรานต์ 2562

นายกมล กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกพร้อมให้การสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของหน่วยงานและองค์กรที่มีเป้าหมายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน สำหรับโครงการขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ ไร้แอลกอฮอล์มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในภารกิจการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ขับรถที่ประสบอุบัติเหตุและไม่สามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทางลมหายใจได้ งบประมาณที่ได้รับการสนับสนุน ถ้าไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ในการบริหารโครงการจะสามารถตรวจพิสูจน์ผู้ขับรถที่ประสบอุบัติเหตุได้ 73,000 ราย ครอบคลุมการปฏิบัติงานทั่วประเทศในช่วงระยะเวลา 1 ปี เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 สิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน 2562 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้ผู้ขับขี่มีความระมัดระวังมากขึ้น


นอกจากนี้ กรมการขนส่งทางบกควบคุมกำกับดูแลการความปลอดภัยการเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะกำหนดมาตรการเชิงป้องกันด้วยการตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจพนักงานขับรถและผู้ประจำรถทุกคนก่อนปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดทุกแห่งทั่วประเทศ 195 แห่ง และสุ่มตรวจสอบระหว่างทางบนถนนสายหลักและสายรอง ณ จุดตรวจความพร้อม 17 จังหวัด รวม 18 แห่ง หากตรวจพบพนักงานขับรถและผู้ประจำรถมีปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจเกิน 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ สั่งเปลี่ยนตัวและส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมายทันที เพื่อความปลอดภัย 

ทั้งนี้ ยังมีมาตรการเอาผิดผู้ประกอบการขนส่งที่ไม่ควบคุมพนักงานขับรถและผู้ประจำรถ หากประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมความปลอดภัย หากพบเห็นการจำหน่ายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในสถานีขนส่ง หรือพบพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถหรือขณะขับขี่ แจ้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารและรับเรื่องร้องเรียน 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง

นายแพทย์ขจรศักดิ์ แก้วจรัส  รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนนเป็นปัญหาของประเทศไทยมานานสร้างความสูญเสียทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างมาก โดยปี 2561 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงถึง 20,169 คน (จากข้อมูล 3 ฐาน ของกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด) สาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุทางถนนประการหนึ่ง คือ เมาแล้วขับ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน สำหรับโครงการขับขี่ปลอดภัย มั่นใจ ไร้แอลกอฮอล์ กำหนดให้อุบัติเหตุจราจรทุกกรณีที่ทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือมีทรัพย์สินเสียหาย ผู้ขับขี่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องถูกตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ หากผู้ขับขี่สามารถตรวจทางลมหายใจได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ แต่ถ้าผู้ขับขี่ไม่สามารถตรวจทางลมหายใจได้ ให้ส่งตัวไปเจาะเลือดที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจทางห้องปฏิบัติการ  ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน กรมการขนส่งทางบก กว่า 69 ล้านบาท


สำหรับสถิติการตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่ส่งมาเบิกกับกรมควบคุมโรค ตั้งแต่เริ่มโครงการ  17 ธันวาคม 2561 – 31 มีนาคม 2562 มีผลการตรวจแอลกอฮอล์ 1,873 ตัวอย่าง พบว่าผู้บาดเจ็บมีแอลกอฮอล์ในเลือดกว่า 62% ของผู้บาดเจ็บที่ส่งตรวจทั้งหมด และเกินกว่ากฎหมายกำหนด 58% ในกลุ่มที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดมีผู้ที่มีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสูงตั้งแต่ 100 mg% ขึ้นไป มากถึง 90% ของกลุ่มที่มีแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด และมีแอลกอฮอล์ตั้งแต่ 150 mg% ขึ้นไป 41% ซึ่งจากข้อมูลยังสะท้อนให้ทราบว่าในผู้ขับขี่ที่ตรวจพบแอลกอฮอล์จะมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่ากฎหมายกำหนดถึง 94% ของผู้ที่มีแอลกอฮอล์ในเลือดทั้งหมดด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ