เชียงใหม่ 2 เม.ย. – หมอกควันที่ปกคลุมภาคเหนือ มาจากไฟไหม้ป่าจากมือมนุษย์ ช่วง 5 เดือนเฉพาะพื้นที่ป่าอนุรักษ์ถูกเผาไปแล้วเกือบ 60,000 ไร่ แม้เจ้าหน้าที่จะควบคุมไฟไหม้ป่าได้แล้ว แต่ไฟที่ไหม้ป่ากว่า 500 ไร่ นานถึง 6 วัน เสี่ยงที่จะกระทบต่อดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งได้ชื่อว่าสวรรค์แห่งยอดดอยที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของพรรณไม้บางชนิดมีแห่งเดียวในโลก รวมทั้งชีวิตสัตว์ป่าอีกมากมาย
สภาพของดอยหลวงเชียงดาว เทือกเขาหินปูนที่สูงที่สุดในไทย มีสภาพไม่ต่างจากเทือกเขาแห่งหมอกควันจากไฟไหม้ป่าทั้งวันทั้งคืนถึง 6 วัน กินพื้นที่ป่าไปกว่า 500 ไร่ ก่อนเจ้าหน้าที่จะควบคุมไฟไว้ได้ในวันนี้ แต่ไฟที่ไหม้ป่าในหลายจุดบนดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งได้ชื่อว่าสวรรค์แห่งยอดดอยที่เต็มไปด้วยความสวยงามและความหลากหลายของป่า เป็นสังคมพืชกึ่งอัลไพน์ที่สมบูรณ์และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย มีพรรณไม้ที่พบแห่งเดียวในโลกหลายชนิด ความร้อนจากไฟไหม้ป่าด้วยมือคน เผาทำลายทั้งต้นไม้ ดิน และระบบนิเวศ
ภาพของลูกลิงวอกวัยเพียง 6 เดือน ที่คาดว่ากระโจนตามฝูงหนีไฟป่าไม่ทัน สำลักควันนอนตายในป่า เหนือถ้ำเชียงดาว กลายเป็นความสลดใจและเป็นเพียงส่วนหนึ่งของความสูญเสียชีวิตสัตว์ป่าบนดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่าหายากมากมาย ความร้อนจากไฟที่เผาทั้งต้นไม้ ดิน ส่งผลต่อวงจรชีวิตสัตว์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากควบคุมไฟไหม้ปาได้ เจ้าหน้าที่จะเข้าสำรวจความเสียหายของดอยหลวงเชียงดาวอย่างละเอียดอีกครั้ง ไม่เฉพาะแต่บนดอยหลวงเชียงดาว เพราะช่วง 5 เดือนมานี้ ใน 9 จังหวัดภาคเหนือมีป่าถูกไฟไหม้ไปเกือบ 60,000 ไร่
“นิคม พุทธา” นักอนุรักษ์ธรรมชาติ มองว่าไฟไหม้ป่าเท่ากับเผาระบบนิเวศทุกอย่าง รวมทั้งโอกาสที่เมล็ดพันธุ์จะเติบโตสร้างป่าขึ้นใหม่ สร้างความเสียหายที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ เขายังมองว่าทางหนึ่งที่จะลดผลกระทบจากไฟไหม้ป่าที่รู้กันว่ามาจากการจุดเผาของคน จำเป็นต้องสร้างความรู้ความเข้าใจให้ชาวบ้านที่อยู่รอบเขตป่า สร้างเครือข่ายใช้มาตรการทางสังคมช่วยเปลี่ยนมือเผาให้เข้ามาอยู่สายอนุรักษ์ เพื่อช่วยภาครัฐ เหมือนสร้างแนวกันไฟที่มีชีวิต จึงจะสามารถพิชิตไฟไหม้ป่าอย่างยั่งยืนได้. – สำนักข่าวไทย