กรุงเทพฯ 2 เม.ย. – อธิบดีกรมฝนหลวงระบุ นับแต่วันพรุ่งนี้ สภาพอากาศทางภาคเหนือตอนบนจะเอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติการฝนหลวงมากขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้เตรียมพร้อมตลอด หากความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศเหมาะสม จะเร่งบินทำฝนบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับกรมฝนหลวงฯ ให้ร่วมบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองและหมอกควัน ซึ่งได้รายงานนายกรัฐมนตรีว่า หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือมีหน่วย 2 หน่วยคือ ที่เชียงใหม่และพิษณุโลก บินปฏิบัติการทำฝนบรรเทาปัญหาหมอกควันและบรรเทาภัยแล้งมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ แต่ในเดือนมีนาคมสภาพอากาศบริเวณภาคเหนือตอนบนส่วนใหญ่แห้งจัด ความชื้นสัมพัทธ์น้อย จึงไม่เอื้อต่อการปฏิบัติการ ล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า บริเวณความกดอากาศสูงจากจีนจะแผ่มายังประเทศไทยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (3 เมษายน 62) โดยจะเริ่มมีอิทธิพลที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน จากนั้นจึงจะแผ่ไปยังภาคตะวันออก ภาคกลางตอนบน แล้วเข้าสู่ภาคเหนือตอนล่าง
ทั้งนี้พื้นที่ภาคเหนือตอนล่างรับผิดชอบโดยหน่วยปฏิบัติการจังหวัดพิษณุโลกมีเครื่องบินคาซ่า 2 ลำสำหรับทำฝนเมฆอุ่น เครื่องบินซุปเปอร์คิงส์แอร์ 2 ลำสำหรับทำฝนเมฆเย็นและยับยั้งพายุลูกเห็บ ซึ่งการทำฝนเมฆเย็นและปฏิบัติการยับยั้งพายุลูกเห็บสามารถเพิ่มปริมาณน้ำฝนเสริมการทำฝนเมฆอุ่นได้ รวมทั้งวางแผนปฏิบัติการต่อเนื่องเพื่อสร้างความชื้นในอากาศไล่ขึ้นมาทางตอนบน ซึ่งพื้นที่ภาคเหนือตอนบนรับผิดชอบโดยหน่วยฯ จังหวัดเชียงใหม่มีเครื่องบินคาซ่า 2 ลำและได้รับการสนับสนุนเครื่องบินจากกองทัพอากาศ 1 ลำ ซึ่งหากเมื่อบริเวณความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมากกระทบกับมวลอากาศร้อนในไทย จะทำให้ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศสูงขึ้น ดัชนีค่าการยกตัวของเมฆดีขึ้น โอกาสที่เมื่อบินขึ้นปฏิบัติการแล้วทำให้มีฝนตกจะมากขึ้น สามารถบรรเทาผลกระทบใน 9 จังหวัดเสี่ยงได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ และน่าน
นายสุรสีห์กล่าวว่า ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือจากการตรวจสอบคุณภาพอากาศพบว่า ที่จังหวัดขอนแก่นและเลยมีปัญหาหมอกควันซึ่งอยู่ในเกณฑ์เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ จึงบินปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องโดยมีหน่วยปฏิบัติการที่อุดรธานี นครราชสีมา และที่จังหวัดเป็นฐานเติมสารฝนหลวง เพื่อที่เมื่อบินมาปฏิบัติการแล้ว สามารถลงมาเติมสารฝนหลวงขึ้นปฏิบัติการต่อเนื่องได้ทันที ทั้งนี้หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทุกหน่วยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดทุกวัน เมื่อพบว่า จังหวะเวลาใดสภาพอากาศเอื้ออำนวยจะขึ้นบินปฏิบัติการทันทีทั้งเพื่อบรรเทาปัญหาหมอกควัน ทำฝนให้ตกลงในพื้นที่เกษตรที่ประสบภัยแล้ง เติมน้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติเพื่อบรรเทาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค รวมถึงทำฝนเติมน้ำในอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเก็บกักในเกณฑ์ต่ำเพื่อสำรองน้ำไว้ให้เป็นไปตามแผนบริหารจัดการน้ำของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่สั่งการให้กำหนดแผนต่อเนื่อง 2 ปีจากฤดูแล้ง 2561/2562 ถึง 2562/2563 ทำให้มั่นใจได้ว่า จะไม่ประสบภาวะขาดแคลนน้ำ . – สำนักข่าวไทย