กกต.ชี้แจง! 7 ข้อสงสัยเลือกตั้ง 62 สั่งสอบมือดีตัดต่อบัตรตัวอย่าง พปชร.

กทม. 26 มี.ค. – “กกต.” แจงยิบ 7 ข้อสงสัยโลกโซเชียล แจ้งปอท.เอาผิดปล่อยข่าวปลด 2 กกต. – ตั้ง คกก.สอบทหารส่องเพื่อนกาบัตร ชี้ตัวเลขบัตรเกินผู้มาใช้สิทธิ์ เป็นเหตุขัดข้องทางเทคนิค สั่งสอบมือดีตัดต่อบัตรตัวอย่าง พปชร. รับ “กปน.” วินิจฉัยบัตรเสียเป็นบัตรดี แต่มีผู้ทักท้วงจึงแก้ไขเป็นบัตรเสีย


วันนี้ (26 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ชี้แจงประเด็นข้อสงสัยที่มีการตั้งข้อสังเกตในโซเชี่ยลมีเดีย รวม 7 กรณี โดยในกรณีที่มีการเผยแพร่ว่า ปลด 2 กกต.สลับรถขนบัตรนั้น เว็บไซต์ดังกล่าวมีลักษณะไม่น่าเชื่อถือ นำเสนอข่าวอันเป็นเท็จ โดยกกต.ทั้ง 2 คนที่ถูกระบุ ไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ตามที่เป็นข่าว และไม่มีการปลด กกต.ออกจากตำแหน่งทั้ง 2 คน ซึ่งกกต. รวมทั้งเพื่อแสดงความสุจริตและเที่ยงธรรมของ กกต. กกต. จึงได้มีการดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อดำเนินการสอบสวน นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษแล้ววันนี้


2.กรณีปรากฏภาพและข้อความว่าที่ จ.เพชรบูรณ์ มีการแกะหีบนำบัตรออกมานั่งนับที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) โดยมีการคัดบัตรเสียออก แล้วเอาบัตรใส่ใหม่ กกต.ตรวจสอบแล้ว เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วย (กปน.) เลือกตั้งที่ 2 ต.น้ำชุน อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์  โดยเป็นช่วงที่กปน.นับคะแนนเสร็จแล้ว และนำหีบบัตรรวมถึงแบบรายงานประจำหน่วย วัสดุอุปกรณ์มาส่งให้กับกกต.ประจำเขตเลือกตั้งที่ 1บริเวณหน้าที่ว่าการอ.เมืองเพชรบูรณ์ แต่ขณะนั้น กกต.เขตหน่วยเลือกตั้งที่ 1 กำลังรับหีบบัตรและอุปกรณ์ของหน่วยเลือกตั้งอื่น ซึ่ง กปน.ของหน่วยเลือกตั้งที่ 2 จึงมีการแกะหีบบัตรออกมานั่งนับ เพื่อตรวจสอบความถูกต้องไปพลางก่อน อย่างไรก็ตามหากมีการร้องและคัดค้านต่อการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว กกต. พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความสุจริต และเที่ยงธรรม


3.กรณีทหารประจำการกองพลทหารม้าที่2 สนามเป้า ชะโงกหน้าดูเพื่อนทหารลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งที่ 34 เขตเลือกตั้งที่ 6 พญาไท กรุงเทพฯ ขณะนี้กกต.ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว หากพบว่าการลงคะแนนดังกล่าวมิได้เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กกต.จะสั่งให้ดำเนินการให้ถูกต้อง เช่น สั่งให้มีการลงคะแนนของหน่วยเลือกตั้งนี้ใหม่

4.กรณีปรากฏภาพและข้อความว่า พบเอกสาร ป้ายปิดซองใส่บัตรเลือกตั้ง (แบบส.ส.5/1) และสายรัดหีบบัตร อยู่ในถังขยะปั๊มน้ำมันทองมี จ.ชุมพร ตรวจสอบแล้วพบว่า วัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวเป็นของหน่วยเลือกตั้งที่ 16 เขตเลือกตั้งที่ 1ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งเป็นวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการรับบัตรเลือกตั้ง หีบเลือกตั้ง และอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อเก็บรักษาไว้ก่อนวันเลือกตั้ง โดยหลังปิดการนับคะแนนวันที่ 24 มี.ค. เวลา 20.00 น. ขณะเจ้าหน้าที่เดินทางกลับ และมีการแวะที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าว พบเห็นวัสดุอุปกรณ์ที่เหลือใช้ จึงนำไปทิ้งถังขยะ การดำเนินการดังกล่าว เป็นขั้นตอนที่กำหนดในระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เป็นขั้นตอนทางธุรการก่อนการลงคะแนน จึงไม่ได้มีผลกระทบต่อการลงคะแนน ที่ไม่สุจริต และเที่ยงธรรม อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ดังกล่าว ควรนำส่งให้กกต.ประจำเขต พร้อมกับหีบบัตรเลือกตั้งที่นับคะแนนแล้ว การนำไปทิ้งในที่สาธารณะ เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม จึงให้สำนักงาน กกต. จ.ชุมพร ตักเตือนการปฏิบัติงานของกปน.ดังกล่าว แล้ว

5.กรณีจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ในการลงคะแนนมากกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ เป็นข้อมูลที่อยู่ในขั้นตอนการรายงานผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการจากบางหน่วยเลือกตั้งไปยังกกต.ประจำเขต และสำนักงานกกต.จังหวัด  เป็นข้อมูลที่ยังไม่มีความสมบูรณ์ครบถ้วนทุกหน่วยเลือกตั้ง ประกอบกับระบบการรายงานผลในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดความขัดข้องทางเทคนิค ทำให้ข้อมูลที่รายงานออกไปเกิดความคลาดเคลื่อน ซึ่งภายหลังจากสำนักงานกกต.ได้ตรวจพบแล้วจึงดำเนินการแก้ไขได้ถูกต้องในทันที

ทั้งนี้การรายงานผลการนับคะแนนที่ดำเนินการครบถ้วนทุกหน่วยเลือกตั้งในขั้นสุดท้าย เป็นข้อมูลจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งบัตรดี บัตรเสีย บัตรไม่ประสงค์จะเลือกผู้สมัครผู้ใดที่ถูกต้องตรงกันแล้ว โดยผู้ที่สนใจติดตามข่าวสามารถตรวจสอบการรายงานผลการลงคะแนนอย่างเป็นทางการที่เป็นข้อมูลที่ถูกต้องสมบูรณ์จากเว็บไซต์ กกต.ได้อีกครั้งหนึ่งในภายหลัง

6.กรณีที่สำนักงาน กกต.ได้จัดทำบัตรเลือกตั้งตัวอย่างสีชมพู โดยมีหมายเลขผู้สมัคร ภาพ เครื่องหมายพรรค และชื่อพรรคการเมือง โดยภาพ เครื่องหมายพรรค และชื่อพรรคการเมืองมีเพียงพรรคพลังประชารัฐเพียงพรรคเดียวนั้น สำนักงาน กกต.ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า บัตรเลือกตั้งตัวอย่างตามภาพที่ปรากฏข้างต้นนั้น มิได้เป็นบัตรเลือกตั้งตัวอย่างที่สำนักงาน กกต.ได้จัดพิมพ์ขึ้น และส่งให้กับ กปน.ใช้ในการประชาสัมพันธ์หน้าที่เลือกตั้ง เนื่องจากสีของบัตรเลือกตั้งตัวอย่างไม่ถูกต้อง หมายเลขผู้สมัครในบัตรเลือกตั้งตัวอย่างจะไม่ใช่หมายเลข 1-50 ตามที่ภาพปรากฏ ภาพเครื่องหมายพรรค และชื่อพรรคการเมืองทุกพรรคจะไม่ปรากฏอยู่ในบัตรเลือกตั้งตัวอย่างแต่อย่างใด

ดังนั้น สำนักงาน กกต.จะได้ตรวจสอบว่ามีผู้ผลิตบัตรเลือกตั้งตัวอย่างดังกล่าว หรือมีการตัดต่อ ดัดแปลงภาพบัตรเลือกตั้งตัวอย่าง หรือมีการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อและมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว อันเป็นการกระทำที่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาและความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 หรือไม่อย่างไรต่อไป

7.กรณีการปฏิบัติหน้าที่ของ กปน. ในการนับบัตร เป็นคะแนนของหน่วยเลือกตั้งบางหน่วยเป็นไปอย่างถูกต้อง มีการวินิจฉัยการทำเครื่องหมายกากบาททับหมายเลขผู้สมัคร ซึ่งเป็นบัตรเสียว่าเป็นบัตรดีนั้น จากการตรวจสอบหน่วยเลือกตั้งที่ 44 เขตเลือกตั้งที่ 7 กรุงเทพฯ ปรากฏว่าในขณะที่ทำการวินิจฉัยบัตรเลือกตั้งดังกล่าว กปน.วินิจฉัยว่าเป็นบัตรดีและนับเป็นคะแนนให้ผู้สมัคร แต่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทักท้วงการนับคะแนนดังกล่าวว่าเป็นบัตรเสีย กปน.จึงได้ประชุมหารือและวินิจฉัยให้บัตรเลือกตั้งดังกล่าวเป็นบัตรเสีย เป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดในการปฏิบัติงานให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]