สำนักข่าวไทย 26 มี.ค.-วธ.เตรียมลงนามร่วมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่งเสริมการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในยูเออีได้เต็มที่ เป้าหมายหลัก ‘อาหารไทย-การแสดงวัฒนธรรมไทย-ผ้าไทย’ ซึ่งไทยมีศักยภาพ
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เดินทางเข้าพบ H.E. Noura Al Kaabi รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมและการพัฒนาความรู้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่กระทรวงวัฒนธรรมและการพัฒนาความรู้แห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อวันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา หารือร่วมถึงการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านวัฒนธรรมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เนื่องจากทางกระทรวงวัฒนธรรมฯ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีความประสงค์จะขอปรับเปลี่ยนร่างความร่วมมือ
รมว.วัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลัง ว่า เป็นการหารือในระดับทวิภาคีของไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งสิ่งที่กระทรวงวัฒนธรรมของยูเออี อยากปรับ คือเรื่องการทำงานในกรอบของยูเนสโก ซึ่งเป็นระดับของพหุภาคี ซึ่ง วธ.ไม่น่าจะทำเรื่องนี้ เพราะการทำความร่วมมือเป็นระดับทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ และอีกเรื่องคือลิขสิทธิ์ แต่เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในภารกิจของ วธ. ดังนั้น อาจต้องเจรจาบางรายการที่ยูเออีเสนอมาว่า อะไรที่ทำได้หรือทำไม่ได้ แต่ในภาพรวมคิดว่าน่าจะปรับได้ และทาง รมว.วัฒนธรรมยูเออี ก็จะเดินทางมาลงนามที่ประเทศไทยต่อไป ซึ่ง วธ.ไทย และยูเออี เห็นพ้องต้องกันว่า ต้องลงนามความร่วมมือทั้ง 2 ประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีอะไรที่สนับสนุนซึ่งกันและกันได้
สำหรับประโยชน์ที่ไทยจะได้รับหากมีการลงนามความร่วมมือด้านวัฒนธรรมกับยูเออี คือ 1.ความสะดวกในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในยูเออีได้เต็มที่ เป้าหมายหลักที่ไทยตั้งใจเผยแพร่ คือ อาหารไทย การแสดงวัฒนธรรมไทยและผ้าไทย ซึ่งไทยมีการศักยภาพในการผลิตผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าพื้นเมือง โดยเฉพาะผ้าทอมือที่ วธ.สนับสนุน เชื่อจะสามารถทำตลาดที่ยูเออีได้ และ2.เรียนรู้และแบ่งปันเทคโนโลยีใหม่ แลกเปลี่ยนข้อมูลด้านวิชาการของยูเออีในการบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์ เช่น พิพิธภัณฑ์ลูฟร์แห่งอาบูดาบี ซึ่งยูเออีได้เทคนิคการบริหารจัดการของฝรั่งเศส รวมถึงห้องสมุดกับหอจดหมายเหตุ จะนำส่วนดดีที่เป็นประโยชน์มาปรับใช้ในพิพิธภัณฑ์ต่างๆของไทย
รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อว่ากระทรวงวัฒนธรรมต้องการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปครอบคลุมทั่วทุกทวีปในพื้นที่ที่คิดว่าจะมีประโยชน์ความร่วมมือในด้านอื่นๆซึ่งความร่วมมือด้านวัฒนธรรมจะส่งผลต่อความร่วมมือด้านอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศตะวันออกกลางที่มีรายได้จากการส่งออกน้ำมันมาก และแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยจำนวนมาก
นอกจากนี้ในการเดินทางไปครั้งนี้ ยังร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศจัดเทศกาลไทยใน 3 ประเทศ คือบาห์เรน คูเวตและยูเออี เฉพาะยูเออี มีประชากรเพียง 1 ล้านคนแต่มาเที่ยวเมืองไทยถึง1.2 แสนคน หรือกว่าร้อยละ 10 โดยมีสายการบินที่บินตรงมายังกรุงเทพฯ และภูเก็ต เชื่อว่ากิจกรรมที่จัด จะทำให้วัฒนธรรมไทยเผยแพร่สู่ตะวันออกกลางได้อย่างแพร่หลาย และทำให้คนในยูเออีเข้าใจ และสนใจมาเที่ยวไทยมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกันนอกจากยูเออีแล้ว วธ. ยังทำความร่วมมือด้านวัฒนธรรมกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอเมริกาใต้ คือ ความร่วมมือกับประเทศเปรู โดยเปรูจะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางเผยแพร่วัฒนธรรมของเปรูในเอเชีย และเปรูจะรับเป็นศูนย์กลางให้ไทยไปเผยแพร่วัฒนธรรมในอเมริกาใต้ ส่วนในเอเชีย และระดับอาเซียนไทยมีกรอบความร่วมมือที่ใกล้ชิด มีการประชุมร่วมระดับวัฒนธรรมเอเชียยุโรปปีเว้นปี เมื่อมีประเด็นจะขอความร่วมมือก็ขอไปประชุมย่อยร่วมกับรัฐมนตรี วธ.ประเทศนั้นๆได้ทันที .- สำนักข่าวไทย