กรุงเทพฯ 21 มี.ค. – กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยเดินหน้าทำความเข้าใจผู้เกี่ยวข้องโฆษณาสินค้าถูกต้อง พร้อมประสานความร่วมมือ บมจ.อสมท ช่วยประสานความร่วมมือด้านสื่อสารมวลชน
กลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดสัมมนา เรื่อง “แนวทางการขับเคลื่อนการโฆษณาเครื่องสำอางในยุค 4.0” เพื่อสร้างแนวทางการโฆษณาและการจัดทำฉลากเครื่องสำอางให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคปัจจุบันและเป็นไปตามสากล และสนับสนุนการรวมกลุ่มกำกับดูแลตนเอง โดยมีนายจิรชัย มูลทองโร่ย ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชนเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการ บมจ.อสมท เป็นประธานเปิดงาน
ในโอกาสนี้นายจิรชัย และนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท ยังร่วมหารือกับนางเกศณี เลิศกิจจา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง ส.อ.ท.และนายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทยและคณะถึงความร่วมมือในการบูรณาการดูแลและแนวทางการโฆษณาให้สอดคล้องกับกฎหมายการคุ้มครองผู้บริโภคในปัจจุบัน
นายจิรชัย กล่าวว่า การโฆษณาเครื่องสำอางเป็นสิ่งที่อยู่ในความสนใจของผู้บริโภค และขณะนี้เทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามามีบทบาทที่จะสื่อข้อมูลในมิติต่าง ๆ ทั้งสื่อเดิม ได้แก่ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ วิทยุ และขณะนี้มีสื่อใหม่โดยเฉพาะโซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องเรียนรู้เท่าทันสื่อว่าสิ่งที่สื่อออกมาถูกต้องเพียงใด อีกสิ่งสำคัญ คือ จรรยาบรรณสื่อที่จะสื่อสารออกไปสู่สาธารณะต้องมีความถูกต้องเที่ยงตรง และสุดท้ายภาคสังคมก็จะต้องตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ในการทำงานภาครัฐจะบูรณาการการดูแลผู้บริโภคผ่านทางภาคธุรกิจ
นางสาวสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า การกำกับดูแลเครื่องสำอางของ อย.เปิดทางให้ผู้ประกอบการสามารถโฆษณาสินค้าได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาตกับ อย. แต่หาก อย.ตรวจสอบโฆษณาที่ออกไปแล้ว เห็นว่ามีลักษณะโอ้อวดเกินจริง หรือเป็นการโฆษณาที่ต้องพิสูจน์ ก็จะส่งเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ดังนั้น ในช่วงที่ผ่านมาจึงมีโฆษณาเครื่องสำอางจำนวนมากที่ อย.ตามไประงับ และการสัมมนาวันนี้จะทำให้ผู้ประกอบการทราบแนวทางโฆษณาที่ถูกต้อง และยังมีแนวทางกำกับดูแลกันเองเป็นการช่วยกรองเบื้องต้นในการสื่อต่าง ๆ ออกมาถูกต้องตามกฎหมาย
นางเกศณี กล่าวว่า ปีนี้อุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยเติบโตมากขึ้นและเติบโตต่อเนื่อง แม้จะชะลอตัวลงบ้างจากสงครามการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ล่าสุดอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไทยมีมูลค่าตลาดรวมทั้งตลาดในประเทศและส่งออกกว่า 300,000 ล้านบาท และเติบโตร้อยละ 5-8 ต่อปี แบ่งเป็นตลาดในประเทศมูลค่ารวม 180,000 ล้านบาท และตลาดส่งออกมูลค่ารวมปีละ 120,000 ล้านบาท โดยตลาดส่งออกในรูปแบบการค้าชายแดนปีละประมาณ 70,000 ล้านบาท และด้านผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับดูแลผมไทยส่งออกมากเป็นอันดับ 1 ของโลกแซงหน้าประเทศฝรั่งเศสมาหลายปีแล้ว และเครื่องสำอางไทยยังได้รับความนิยมเป็นอันดับ 1 ในอาเซียนและเป็นที่ 1 ในประเทศจีนแซงหน้าเครื่องสำอางจากประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากชาวจีนมองว่าเครื่องสำอางไทยมีคุณภาพไม่ด้อยไปกว่ากัน แต่ราคาเข้าถึงได้มากกว่า
ปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรมเติบโต ได้แก่ วัฒนธรรมไทย ต่างชาติที่เคยเดินทางมาเยือนประเทศไทย ชอบความเป็นไทยและคนไทย จึงอุดหนุนสินค้าไทยที่มีคุณภาพดี อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีการประชาสัมพันธ์ไม่มากในตลาดโลก.-สำนักข่าวไทย